*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Square Enix Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
Nier Replicant Ver.1.22474487139… หรือย่อสั้น ๆ ว่า Ver.1.22… คือผลงานภาคแรกในซีรีส์ Nier ซึ่งเคยวางจำหน่ายบน PS3 และ Xbox360 ในเดือนเมษายน ปีค.ศ.2010 ซึ่งความพิเศษอย่างหนึ่งของเกมภาคแรกก็คือตัวเกมถูกทำขึ้นมาสองเวอร์ชันที่ต่างกันเล็กน้อย นั่นคือเวอร์ชันที่ขายในแถบตะวันตกรวมถึง Xbox360 ในญี่ปุ่น (Nier Gestalt) นั้นตัวเอกถูกดีไซน์ให้มีอายุมากและมีรูปร่างใหญ่โต (ซึ่งคนก็มักเรียกกันว่า Father Nier) แต่เวอร์ชันที่ขายบน PlayStation 3 ในญี่ปุ่น (Nier Replicant) ตัวเอกจะมีดีไซน์ที่หนุ่มและหล่อเหลากว่า (ซึ่งคนเรียกตัวเอกเวอร์ชันนี้กันว่า Brother Nier) และตัวเกมฉบับนี้คือการรีเมคเกมภาคแรกโดยอ้างอิงดีไซน์ของตัวเอกเวอร์ชันที่เป็นพี่ชายนั่นเอง
เนื้อเรื่อง
คงต้องเกริ่นก่อนว่าตัวผมเองเคยเล่นเกมเวอร์ชันตะวันตกบน PlayStation 3 ในปี 2010 มาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ประทับใจในเนื้อหาและเรื่องราวมาพอสมควร แต่เวลาผ่านไปก็ลืมเนื้อหาส่วนใหญ่ไปเกือบหมดแล้ว และเมื่อได้กลับมาเล่นฉบับ Ver.1.22… อีกครั้งก็ทำให้จำได้ว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ประทับใจในเนื้อหาและเรื่องราวที่บอกเล่าครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักซีรีส์นี้มาก่อน ก็คงต้องไล่เรียงแบ็คกราวด์เบื้องต้นว่า Nier ภาคแรกนี้เกิดขึ้นมาจากฉากจบแบบ E ของเกม Drakengard (หรือ Drag-On Dragoon) ภาคแรกสุดที่ซึ่ง Caim ตัวเอกและมังกรแดง Angelus ได้ข้ามกาลเวลาและมิติมาต่อสู้กับ Queen-beast บอสใหญ่ของเกมที่ดันมาโผล่ใจกลางชินจูกุยุคปัจจุบัน ซึ่งผลของการต่อสู้นั้นก็ได้เกิดผลกระทบต่อโลกปัจจุบันอย่างใหญ่หลวงจนกลายมาเป็นเกม Nier ออกมาอีกซีรีส์หนึ่งในที่สุด
ผมคงไม่ลงลึกรายละเอียดถึงเนื้อหาของ Nier Replicant นัก แต่สามารถบอกได้ว่าถ้าคุณชื่นชอบแนวเรื่องจากการสร้างสรรค์ของ Yoko Taro ในเกมอื่น ๆ คุณก็จะชอบเนื้อหาของเกมนี้ได้ไม่ยากครับ เพราะเกมนี้ยังคงเต็มไปด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์และมีความ “ไม่สมบูรณ์” กันหลายอย่างในแง่ของอุปนิสัย ซึ่งเมื่อบวกกับโทนเรื่องที่ดูเผิน ๆ แล้วเรียบง่ายสไตล์เกม RPG คลาสสิกประเภทที่ว่าตัวเอกมุ่งมั่นจะปราบจอมมาร แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น ทำให้เกมนี้มีเสน่ห์แบบที่หาได้ยาก เพียงแต่ว่าสำหรับคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงก็อาจลำบากหน่อย เพราะเนื้อเรื่องของเกมมักแฝงเอาไว้ในเอกสารที่ต้องอ่านหรือเควสต์ที่ต้องทำนั่นเอง และที่สำคัญคือการเล่นรอบสองที่จะมีคัตซีนใหม่เพิ่มเติมที่ทำให้ผู้เล่นเข้าใจเนื้อหามากขึ้นด้วย
ความพิเศษกว่าของเก่าในคราวนี้ก็คือทีมงานได้เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่เข้ามาจากเดิมนั่นคือ The Little Mermaid ที่เดิมเป็นเรื่องราวตอนสั้นที่ถูกรวบรวมเอาไว้ในหนังสือ Grimoire Nier เท่านั้น แต่ในคราวนี้ผู้เล่นจะได้สัมผัสเรื่องราวนั้นในเกม และที่สำคัญคือ Ending E ที่แต่เดิมได้ลงรายละเอียดเอาไว้ใน Grimoire Nier เช่นกันก็ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นฉากจบใหม่ของเกมคราวนี้ด้วย เรียกได้ว่า Ver.1.22…คราวนี้คือ Nier Replicant ฉบับสมบูรณ์ที่สุดแล้วครับ
เกมเพลย์
ในแง่ของเกมเพลย์นั้น ตัวเกมคือแอ็กชัน-อาร์พีจีที่มีรูปแบบการเล่นเรียบง่ายและไม่ได้ซับซ้อนอะไรนัก โดยปุ่มโจมตีของเราจะมีสองปุ่มคือโจมตีเบาและโจมตีหนัก ที่ไม่สามารถพลิกแพลงต่อคอมโบอะไรได้เยอะแยะ เรียกได้ว่าหากเป็นอาวุธประเภทเดียวกันคอมโบการโจมตีของคุณก็จะเหมือนกันหมด แม้แต่การกดปุ่มค้างเพื่อโจมตีเองก็จะเหมือนกันหมดสำหรับอาวุธทุกชิ้นในประเภทเดียวกัน ส่วนลูกเล่นและความหลากหลายเพิ่มเติมในการต่อสู้จะอยู่ที่การใช้งานเวทมนตร์จาก Grimoire Weiss เสียมากกว่า (ซึ่งคุณจะติดตั้งเอาไว้ได้สูงสุด 4 แบบตามปุ่ม L1 L2 R1 R2 แต่หากติดตั้งเวทมนตร์ทุกปุ่มก็จะไม่มีปุ่มป้องกันกับกลิ้งหลบไว้ใช้งาน) ถ้าจะให้นิยามระบบการต่อสู้ของเกมนี้ก็คือมันค่อนข้างโบราณด้วยมาตรฐานเกมปัจจุบัน แต่ก็ถือว่าทีมงานพยายามปรับเกมเพลย์ให้รวดเร็วขึ้นกว่าของเดิมมาพอสมควรแล้วครับ เพราะถ้าเป็นเวอร์ชันเก่านี่ไม่สามารถยิงเวทมนตร์ขณะวิ่งหรือออกแอ็กชันอื่นได้ด้วยซ้ำ
ถึงกระนั้นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเกมนี้ก็คือการต่อสู้กับบอสนั่นเอง บอสแต่ละตัวดีไซน์ออกมาได้ดูดี อลังการและน่าเกรงขาม แต่สิ่งที่ทำให้โดดเด่นก็คือการผสมผสานเกมชูตติ้งที่สาดกระสุนทั่วจอเข้ามากับรูปแบบเกมแอ็กชันนั่นเองครับ บอสแต่ละตัวจะมีแพทเทิร์นการโจมตีในแบบเกมยานยิงที่คุณจะต้องมองหาจุดกระโดดหลบแล้วเข้าไปตี หรือไม่ก็กดใช้เวทมนตร์เพื่อทำลายเม็ดกระสุนของบอสเพื่อเข้าประชิด ทำให้การสู้บอสแต่ละตัวบังคับให้คนเล่นต้องหยุดสังเกตแพทเทิร์นพอสมควร ไม่สามารถสักแต่วิ่งเข้าไปตีแลกเลือดได้ (เว้นแต่คุณจะเล่นในรอบหลัง ๆ ที่เก่งมากแล้ว)
แน่นอนว่าพอขึ้นชื่อว่าเป็นเกม RPG สิ่งที่มีคู่กันก็คือไซด์เควสต์ ซึ่งเกมนี้ก็มีไซด์เควสต์ให้ทำมากมาย หากแต่ข้อเสียหลัก ๆ ของเกมนี้ในแง่ไซด์เควสต์ก็คือกว่า 80-90% จะเป็น fetch quest หรือก็คือต้องไปหาไอเท็มนั่นนี่มาให้คนแจกเควสต์นั่นล่ะครับ แถมขอกันทีก็ไม่ได้ขอแค่ชิ้นหรือสองชิ้นด้วย บางทีเราต้องเอาไอเท็มไปให้เป็น 10 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นก็ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ เพราะส่วนมากมักจะอยู่ในดันเจี้ยนใดดันเจี้ยนหนึ่งเฉพาะและการจัดการศัตรูก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะดรอปไอเท็มที่คุณต้องการ
ด้วยเหตุนี้ในเควสต์นึงคุณอาจพบว่าตัวเองต้องวิ่งเข้าวิ่งออกดันเจี้ยนเดิมหลายต่อหลายรอบเพียงเพื่อหาไอเท็มไปเคลียร์เควสต์ ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ในแง่ของการดีไซน์เควสต์เกมนี้ถือได้ว่าสิ้นคิดเลยก็ว่าได้ครับ แต่หากคุณไม่คิดมากก็นึกซะว่าเป็นการลงดันเจี้ยนเพื่อเก็บเลเวลก็พอจะช่วยให้หายเบื่อได้บ้าง แต่ประเด็นคือ…ไอเท็มหลายอย่างที่คุณนำไปส่งเควสต์เนี่ย คุณจะต้องไปหาเพิ่มอีกหลายชิ้นแน่นอน เพราะการอัปเกรดอาวุธเองก็จำเป็นต้องใช้วัสดุพวกนั้นเหมือนกันครับ ดังนั้นหากใครเป็นเกมเมอร์สายเก็บความสมบูรณ์แบบล่ะก็ เตรียมใจกับการวิ่งวนในดันเจี้ยนซ้ำไปซ้ำมาไว้ได้เลย
มาพูดถึงในแง่ของเวิลด์แมปในเกมนี้กันบ้าง แผนที่เกมนี้ถือได้ว่าเล็กมากเพราะทั้งเกมจะมีเมืองหลัก ๆ อยู่แค่สามเมืองที่คุณต้องเทียวไปเทียวมาเพื่อทำเนื้อเรื่อง และที่สำคัญคือวิ่งเควสต์นั่นเอง แต่แม้ว่าสถานที่ในเกมจะไม่เยอะพอถึงเวลาวิ่งเควสต์ก็ทำเอาแอบเบื่อได้ในบางทีเพราะเกมจะบังคับให้คุณต้องวิ่งจากเมืองนึงไปอีกเมืองนึงอยู่บ่อยครั้ง แทบไม่มีเควสต์ไหนที่จะปิดจ็อบจบลงได้ในเมืองต้นเรื่องที่รับเควสต์ครับ มิหนำซ้ำระบบ Fast Travel จะเปิดให้ใช้งานก็ต้องเล่นไปแล้วกว่า 50% ของเกมเสียก่อนด้วย (แถมจุดที่ปล่อยลงก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ด้วยนะ) หากเทียบกับเกมในปัจจุบันก็คงต้องบอกว่าไม่ค่อยมีองค์ประกอบช่วยเหลือผู้เล่นมากนัก
แล้วนอกจากที่กล่าวมานั้นเกมมีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีกไหม? ก็มีครับ นอกจากการวิ่งไล่เชือดศัตรูตามแมปเพื่อรอของดร็อปแล้ว เกมนี้จะมีแปลงผักที่บ้านของตัวเอกเอาไว้ใช้ปลูกเมล็ดพืชทั้งหลาย (และก็แน่นอน บางเควสต์จะขอไอเท็มพืชผักพวกนี้นั่นแหละ) ซึ่งระบบการปลูกผักนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่ฝังเมล็ด รดน้ำ แล้วก็รอเวลาออกดอกออกผลก็เป็นอันจบ ถ้าจะให้พูดตรง ๆ แล้วการปลูกผักก็เหมือนเป็นหนึ่งในวิธีการหาไอเท็มมาใช้โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อตามร้านนั่นล่ะครับ มินิเกมอีกอย่างหนึ่งของเกมนี้ก็คือการตกปลา และก็อย่างที่หลายคนคงเดาได้ว่าระบบการเล่นมันง่าย แต่ดีไซน์ออกมาให้ต้องใช้เวลากับมันนาน นั่นเพราะปลาบางตัวคุณจะตกไม่มีทางได้เว้นแต่จะไปเพิ่มค่าความสามารถในการตกปลาก่อน ซึ่งก็นั่นแหละมันคือการทำเควสต์ตกปลาชุดใหญ่ ๆ ชุดนึงเลยเหมือนกัน
เกมนี้ถูกออกแบบมาให้ต้องเล่นซ้ำหลายรอบเพราะฉากจบแบบอื่น ๆ จำเป็นต้องเล่นวนรอบถึงจะทำฉากจบใหม่ได้ นั่นจึงทำให้เนื้อหาหลักของเกมค่อนข้างสั้นถึงขนาดที่ว่าตัวเกมมี trophy/achievement ให้ผู้เล่นที่จบเกมได้ภายใน 15 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะมีอะไรที่นานก็คือการวิ่งวนไปมาทำ side activities ทั้งหลายทั้งปวงนี่ล่ะครับ
อ้อ เกมเวอร์ชันนี้แถม DLC ชุด The World of Recycled Vessel มาให้ครบเลยนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปซื้ออะไรเพิ่มเติม ดังนั้นชุดที่มีให้เปลี่ยนเมื่อเคลียร์ DLC ก็พร้อมให้ใช้เช่นเดียวกัน
กราฟิก
กราฟิกของเกมฉบับนี้ ถ้าเทียบกับของเดิมก็ถือได้ว่าปรับปรุงดีขึ้นพอควร โมเดลตัวละครคมชัดขึ้นและแสงเงาอะไรต่าง ๆ ก็ดูดี แต่พวกเท็กซ์เจอร์พื้นผิวต่าง ๆ หากลองนั่งดูก็จะพบกับความไม่เนี้ยบอยู่พอควร ถ้าเอาไปเทียบกับเกมอื่น ๆ ในแนว RPG เหมือนกันและบนแพลตฟอร์มเดียวกันนี่ Nier Replicant จะดูเป็นเกมทุนต่ำไปเลยครับ (ซึ่งก็น่าจะทุนต่ำจริง ๆ นั่นแหละ) แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่มาชดเชยคุณภาพกราฟิกก็คือองค์ประกอบศิลป์และงานออกแบบในเกมที่ทำได้ออกมาสวยงามและดูดีจนมองข้ามด้านคุณภาพกราฟิกไปได้
นอกจากเรื่องงานศิลป์แล้ว แนวทางการนำเสนอก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชวนให้แอบหัวเราะหึ ๆ ในความกวนของทีมงานได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ลึกลับที่พอเข้าไปปุ๊บ มุมกล้องก็เปลี่ยนไปเป็นแบบกล้องวงจรปิดเสมือน Resident Evil ภาคแรกสุด หรือในศูนย์วิจัยใต้ดินที่มุมกล้องก็ซูมออกให้เห็นกันชัด ๆ แล้วค้างไว้ที่มุมมองแบบ Isometric คล้ายเกมอย่าง Diablo แถมบางช่วงก็แปลงกายเป็นเกมสไตล์นิยายเลือกตอบไปเลย โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นอารมณ์ขันในแบบที่กำลังดีไม่ล้นเกินครับ
เพลงประกอบและเสียงพากย์
ตั้งแต่สมัยเกมฉบับดั้งเดิม ผมก็ชื่นชอบเพลงประกอบของ Nier มาก และมาในฉบับรีเมคครั้งนี้ทำให้ผมมั่นใจอีกรอบว่าเพลงประกอบคือหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของเกมนี้เลยครับ บทเพลงแต่ละบทนั้นแม้ว่าจะร้องด้วยเนื้อเพลงอันเป็นภาษาที่เมคขึ้นมา (เรียกว่า Chaos Language) แต่ด้วยท่วงทำนองที่ผสมผสานนั้นมันออกมาดีงามสุด ๆ ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมในแต่ละฉากได้เป็นอย่างดี ถึงคุณจะฟังไม่เข้าใจความหมายแต่ก็จะเข้าใจอารมณ์ที่สื่อออกมาได้เป็นอย่างดีแน่นอน
ในด้านของเสียงพากย์นั้น นักพากย์แต่ละคนทำหน้าที่กันได้เป็นอย่างดี ทั้งการสื่ออารมณ์และน้ำเสียงที่ใช้ในแต่ละฉาก พอรวมเข้ากับบทเพลงแล้วทำให้ฉากสำคัญ ๆ ทุกฉากนั้นทรงพลังและชวนให้อินได้ไม่ยากครับ
สรุป
Nier Replicant Ver.1.22…เป็นเกมรีเมคที่มีการปรับปรุงตัวเกมให้ทันสมัยขึ้นในหลายด้าน แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีร่องรอยของความโบราณให้เห็นอยู่เนือง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นคุณค่าของตัวเกมในด้านอื่น ๆ ก็ไม่ได้ถูกลดทอนลงไปแม้แต่น้อย หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเวอร์ชันเก่าคุณจะได้พบกับความประทับใจเดิมอีกครั้งที่แถมมาด้วยรสชาติใหม่ และหากใครไม่เคยสัมผัสเลยเวอร์ชันนี้ถือเป็นฉบับสมบูรณ์ที่สุดของเกมในตอนนี้แล้วครับ