God of War Ragnarök เวอร์ชัน PC – รีวิว [REVIEW]
*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Sony Interactive Entertainment Singapore มา ณ โอกาสนี้ครับ
สเปกคอมที่ใช้เล่นเกมนี้คือ
Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz 2.90 GHz
การ์ดจอ: NVIDIA GeForce RTX 3070
RAM: 32 GB
ขนาดไฟล์เกม: 190 GB
ก็ตามธรรมเนียมที่เจอกันทุกปีนะครับ สำหรับเกมเอ็กซ์คลูซีฟของ Sony ที่ถึงเวลาจะได้มาปล่อยของให้ชาว PC ได้สัมผัสกัน คราวนี้ก็ถึงตาที่ Dad of War อย่างเครโทส จะมาพาคุณไปร่วมศึกชี้ชะตาเทพนอร์สกันแล้ว
และก็เช่นเคย PC ไอ้แก่ของผมที่สเปกใกล้กลับบ้านเก่าอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 และ i7-10700 CPU ก็ต้องมารันทดสอบประสิทธิภาพของงานพอร์ทครั้งนี้ ด้านเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ งานอาร์ต ผมขอละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจนะครับ เพราะรีวิวกันจนพรุนไปหมดแล้ว สิ่งที่ God of War Ragnarök เวอร์ชัน PC จะแตกต่างก็คงเป็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่อาศัยธรรมชาติอันยืดหยุ่นของ PC เป็นตัวปรับแต่งประสบการณ์ผู้เล่น
งานพอร์ตคราวนี้ยังได้ Jetpack Interactive มารับผิดชอบเหมือนตอน God of War ภาคปี 2018 เอาเข้าจริงแล้วฟีเจอร์ที่ยกระดับคุณภาพที่เติมเข้ามาก็เป็นสิ่งที่คาดเดากันได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อกเพดานของเฟรมเรต การรองรับการแสดงผลหน้าจออแบบอัลตราไวด์ แล้วก็พวกฟังก์ชันพิเศษของพวกการ์ดจออย่าง Nvidia DLSS 3.7 ซึ่งก็ต้องขอบอกตามตรงครับว่า PC ของผมยังไม่สามารถก้าวไปถึงพลังอำนาจที่เขาเติมเข้ามาในการพอร์ททั้งหมดได้
แต่อย่างน้อยผมพอจะพูดได้ว่าการเล่นเกมนี้บน PC ที่สเปกตามค่าเฉลี่ยคนส่วนมากเป็นประสบการณ์ที่เหมือนได้ตกหลุมรักมันอีกครั้ง ผมเริ่มเกมด้วยการปรับค่าของกราฟิกไว้ที่ระดับสูง ไม่ถึงขั้นอัลตราแต่แค่นี้ก็นับว่าสวยตาแตกแล้ว เส้นขนผ้าคลุมดำเครโทสพริ้วไหวและเท่มาก ผมเล่นไปเป็นชั่วโมงเฟรมเรทก็ยิ่งวิ่งอยู่แถว ๆ 50-60 เฟรม ถึงจะเป็นฉากต่อสู้ก็ร่วงไม่มาก
แต่.. ตอนที่เข้าประตูไปโผล่แถวรากอิกดราซิลเฟรมร่วงแบบไหลเป็นน้ำตกเลยครับ ผมไม่รู้ว่าฉากนี้มันใช้การประมวลผลเบื้องหลังเยอะแค่ไหน จากที่ลองมาดูเหมือนจะเป็นทุกครั้งที่เจอกับฉากนี้ ยังโชคดีที่ตอนเป็นฉากบ้านของบร็อกกับซินดรี เฟรมยังรันได้มาตรฐานอยู่
อีกส่วนที่คนส่วนมาอาจจะไม่ค่อยได้พูดถึงเท่าไร แต่เป็นสิ่งที่นักรีวิวเกมยกย่อง God of War Ragnarök ตั้งแต่ตอนมันปล่อยออกมาครั้งแรกแล้ว ก็คือเรื่องของ Accessibility ครับ ซึ่งไม่ได้หมายความถึงผู้ที่มีความพิเศษทางสภาพร่างกายอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงคนธรรมดาทั่วไปที่อาจจะรู้สึกว่าคอมแบตเกมมันซับซ้อนจัง ปริศนาในเกมก็ยากไป และอีกมากมาย
มาคราวนี้ผมก็ยังอดทึ่งอีกครั้งไม่ได้ว่า เขาดูเอาใจใส่กับเรื่องนี้เหมือนกับเขาตั้งโจทย์ว่าถ้าอยากให้คนที่มีความท้าทายทางร่างกายมาเล่นเกมนี้ให้สนุกที่สุดพวกเขาจะทำยังไง ไล่ไปตั้งแต่เรื่องใหญ่ ๆ อย่างพวกการควบคุมที่เราสามารถปรับให้มันเป็นมิตรกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านนี้ การบอกใบ้ปริศนา ไปจนถึงจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น พวกสีสัญลักษณ์ต่าง ๆ ความยากง่ายของการกดมินิเกมหรือ QTE จุดนี้ก็ยังเป็นอะไรที่น่าประทับใจเหมือนเดิม
ในทางกลับกัน การ์พอร์ทครั้งนี้ก็มีส่วนที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันยุ่งยากตั้งแต่ช่วงเข้าเล่นเกมครั้งแรก นั่นคือคุณจะต้องทำการล็อกอินเข้าไอดี PSN ของคุณด้วย สำหรับคนที่ไม่ได้ละเอียดขนาดจดรหัสทุกอย่างเอาไว้แบบผม สิ่งนี้เป็นอุปสรรคมากและทำเอาผมต้องงมข้อมูลเกือบครึ่งชม. กว่าจะไขประตูบ้าน PSN ตัวเองได้ คงไม่ค่อยมีข้อดีกับฝั่งผู้เล่นมากเท่าไร แต่ Sony น่าจะได้เต็ม ๆ ในแง่ของข้อมูลผู้ใช้งาน และเขาเลือกเกมที่จะให้ล็อกอินถูก เพราะน้อยคนที่จะไม่สนใจ God of War
แต่นี่เป็นเกมที่คุ้มค่าที่จะทำให้คุณฝ่าความยุ่งยากทั้งหมดได้ เพราะ God of War Ragnarök เวอร์ชัน PC ยังคงเป็นความดีงาม และอยู่ในจุดสูงสุดของเกมแอ็กชันผจญภัยที่ขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวบทสรุปในดินแดนนอร์ส
อีกอย่างคือเกมแปะป้ายราคาประมาณ 1690 บาท (อ้างอิงจากร้านค้าบน Steam) นับว่าไม่แพงเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้ นอกจากเกมตัวเต็มแล้ว DLC วัลฮัลลาที่เหมือนให้คุณได้เล่น God of War แล้วโรกไลต์ก็ยังรวมมาด้วย (ถึงมันจะเป็น DLC ฟรีตั้งแต่แรกก็เถอะ) พูดง่าย ๆ ว่ามันคือประสบการณ์ที่มัดรวมแพ็กเกจมาเรียบร้อยแล้ว ทำให้มีสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ เกมใช้พื้นที่ค่อนข้างเยอะ เคลียร์พื้นที่รอไว้ได้เลยครับอย่างน้อย ๆ 190 GB
สรุปใครที่ยังมีคำถามค้างคาในใจประมาณว่าดูเขาเล่นมาเยอะแล้ว อยากจะลองเล่นเอง หรือไม่มั่นใจว่าสเปกคอมตัวเองจะรันไหวมั้ย ผมรับประกันได้ระดับหนึ่งว่าสเปกขั้นต่ำไม่ค่อยแรง ถ้าสเปก PC คุณเล่นเกมนี้ไม่ได้ก็คงเล่นเกมใหญ่ในท้องตลาดตอนนี้ได้ยากแล้ว และจากที่ได้ลองมา ประสิทธิภาพค่อนข้างน่าพอใจ ถึงการแสดงผลในบางช่วง (ฉากรากไม้อิกดราซิล) จะมีเฟรมร่วงให้เห็น แต่การแสดงผลด้านอื่นแทบจะไม่มีสะดุดเลย โดยเฉพาะแฟน ๆ เฮียเหม่ง ใครที่ PC สเปกถึง ๆ แล้วอยากจะได้ทั้งภาพคม ๆ เฟรมเรตพุ่ง ๆ ที่ PS5 ยังให้ไม่ได้ จะซื้อซ้ำอีกทีก็เป็นการลงทุนที่ฉลาดครับ
จุดเด่น
- ตัวเกมพอร์ทมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ยกเว้นบางฉาก
- แพ็กเกจที่มัดรวมทุกสิ่งที่คนเล็งเกมภาคนี้เลือกได้แบบไม่ลังเล
- ตัวเลือกการเข้าถึง (Accessibility) ที่ทำออกมาได้ละเอียดมาก
- ประสบการณ์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของ PS5 (ถ้าสเปก PC คุณถึง)
จุดด้อย
- เฟรมร่วงในบางฉาก (มีฉากเดียวเท่าที่เห็น)
- ความยุ่งยากในการต้องล็อกอินไอดี PSN