Crysis Remastered Trilogy – รีวิว [REVIEW]
ขอขอบคุณโค้ดเกม [PS4] เพื่อการรีวิว จากบริษัท Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
ก่อนเข้าเรื่อง ขออธิบายก่อนนะครับว่า บทความรีวิวชิ้นนี้อ้างอิงจากเกมเวอร์ชัน PS4 ที่อัปเดตแพตช์ล่าสุดแล้วเล่นบน PS5 ผ่านระบบ Backwards Compatibility จึงทำให้ในส่วนที่ผมจะพูดถึงเรื่องคุณภาพกราฟิก (ในลำดับถัด ๆ ไป) และออปชันการเลือกปรับเซตติงต่าง ๆ นั่นอาจไม่ครอบคลุมตัวเกมเวอร์ชัน นินเทนโด สวิตช์ และ PC จึงขอทำความเข้าใจกันก่อนเริ่มอ่าน
ผมเริ่มลงมือเขียนบทความ หลังตะลุยแคมเปญของไครซิสทั้งสามภาค ในรูปแบบการรีมาสเตอร์ล่าสุดนี้ ซึ่งขอสารภาพเลยว่า ความรู้สึกที่ได้คือความสุขเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า เพราะอันที่จริง ผมได้เล่นตัวเกมฉบับออริจินัลของทุกเกมนี้มาแล้วสมัยเมื่อวางจำหน่ายครั้งแรก ขอบอกเลยว่าสมัยนั้น เกมนี้ฮิตมาก ๆ ในวงการเกมเมอร์ไทย โดยเฉพาะภาคแรกเมื่อปี 2007 ที่เล่นเอาหลายคนต้องอัปเกรดคอมพิวเตอร์กันยกใหญ่
ทีนี้ ถ้าในมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยเล่นมาก่อน ตัวเกม Crysis Remastered Trilogy ที่ต้นฉบับเก่าแก่นับสิบปีนี้ จะยังคงความสนุกแบบคลาสสิกไว้ได้ หรือเชย, ตกยุคจนไม่ควรหวนกลับไปสัมผัสอีก…เราไปดูกันทีละภาคเลยครับผม”
CRYSIS 1
หากคุณซื้อเกมชุดนี้ในแบบดิจิทัล, Crysis Remastered Trilogy จะให้คุณแยกโหลดทีละเกมนะครับ ใครเครื่องเกมความจุใกล้เต็ม ก็สามารถโหลดมาเล่นทีละภาคก็ได้ ไม่จำเป็นต้องโหลดรวดเดียวหมด
ทั้งนี้ ไครซิสภาคแรก ถือเป็นเกมนำร่องในการรีมาสเตอร์ โดยวางจำหน่ายเป็นเกมเดี่ยว ๆ มาแล้วเมื่อปี 2020 ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จซักเท่าไหร่ในเวอร์ชันคอนโซล เพราะประสบปัญหาบั๊กเพียบ ทั้งบน PS4 และ Xbox One ถึงขนาดนักรีวิวฝรั่งบางสำนักเขียนตำหนิเลยว่า เกมนี้ควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากกว่าเอามาเล่นใหม่
อย่างไรก็ตาม กลับมารอบนี้ ทีมงานแก้มือสำหรับตัวเกมเวอร์ชันคอนโซลได้ดีพอสมควร โดยใช้วิธีอัปเดตเสริม โดยเฉพาะกับของ PS5 ที่จะล็อกเฟรมเรตไว้ที่ 60 ตลอดเวลา แล้วปรับเป็นโหมดให้เลือกได้ 3 แบบคือ
- โหมด Quality (โหมดภาพสวย, เน้นดีเทล) จะแสดงผลที่ 60fps ในเรสฯ ที่ 1800p
- โหมด Performance (เน้นเกมลื่นไหล) จะได้ภาพระดับ 60fps ใน 1080p
- โหมด RayTracing เพิ่มความสมจริงทางกายภาพของแสง สำหรับ 1440p ที่ 60fps
โดยทั้งหมดนี้รองรับ HDR ตามแต่ประสิทธิภาพของมอนิเตอร์ของผู้ใช้
ผู้เขียนลองเล่น 3 แชปเตอร์แรกด้วยโหมด Quality ขอบอกเลยว่า PS5 มีอาการหน่วงให้เห็นครับ อย่างเวลาตัวเกมมันจะออโต้เซฟในบางจุด เกมจะหยุดชั่วขณะหนึ่ง (Lag) ราว 2-3 วินาที นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรให้เห็นอีก Crysis 1 แบบรีมาสเตอร์สร้างเกาะหลิงชานได้สวยงาม ต้นไม้ใบหญ้ารกทึบสมเป็นเกาะเขตร้อน
เมื่อลองเปลี่ยนเป็นแบบ Performance เกมจะเล่นได้ลื่นไหลมากขึ้น หมดปัญหาเกมหน่วงแต่กลับพบว่า ใบไม้ใบหญ้าลดปริมาณลงและให้ภาพที่หยาบพอสมควร สุดท้ายแบบ RayTracing ผมขอบอกตามตรงว่าไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แค่ภาพบางจุดมันแสงจ้า ๆ เพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง ไม่แน่ใจว่าซอร์สเกมต้นฉบับมันเอามาปรับเพิ่มยากหรือเปล่า เลยไม่ค่อยโชว์ความเรย์เทรซซิ่งให้ว้าวได้ซักเท่าไหร่
ในส่วนของตัวเกม ผมขอย้ำชัด ๆ ก่อนนะครับว่า นี่คือเกมเดิมเมื่อ 2007 ทำให้ฟีเจอร์บางอย่างมันอาจไม่ทำให้คุณตื่นเต้นได้เท่าเกมยุคใหม่ คุณต้องเข้าใจว่านี่คืออดีตเกมเทพ ถ้าทำความเข้าใจจุดนี้ได้ ก็จะช่วยให้เล่นเกมได้สนุกมากขึ้น โดยไครซิสภาคแรก ถือเป็นหนึ่งในเจ้าตำรับเกมโอเพ่นเวิลด์ โดยพัฒนาออกมาขายตามหลังเกมอย่าง Far Cry ภาคแรกของสตูดิโอ Crytek เดียวกันนี่แหละ ตัวเกมโชว์ความเก๋าของการใช้ฉากแบบโลกเปิด บวกกับการควบคุมยานพาหนะที่หลากหลาย, ลูกเล่นในชุดนาโนสูท และเนื้อเรื่องแนวทหารปะทะเอเลี่ยน ที่เล่าใหม่กี่ครั้งก็ยังคสาสสิก
ทั้งหมดนี้ผมถือว่าทำได้เพลิดเพลินดี แฟนดั้งเดิมถ้าได้เล่นจะรู้สึกย้อนอดีต ดื่มด่ำความหลังกันไป ส่วนเกมเมอร์หน้าใหม่อาจจะพบความเชยบ้าง แต่ถ้าเล่นเพื่ออยากรู้ว่าเกมฮิตเมื่อหลายสิบปีก่อนมันเป็นยังไง…คุณก็สามารถสนุกกับมันได้อย่างแน่นอน
CRYSIS 2
ภาค 2 (เกมต้นฉบับวางจำหน่ายครั้งแรกปี 2011) คือความพยายามตีตลาดเกม FPS ในยุคนั้นของทาง Crytek โดยตัวเกมหันมาเน้นเรื่องการเซ็ตคิวจังหวะแอ็กชันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีลักษณะการเล่าเรื่องแบบคอลออฟดิวตี้ มีคัตซีนอลังการตามสมัยนิยม ซึ่งผมจำได้ว่าตอนเกมออกใหม่ ๆ เกิดกระแสโต้เถียงกันในหมู่แฟนเกมด้วยว่าแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างสไตล์เกมแบบภาค 1 กับภาค 2 ที่เพิ่งออกมาในตอนนั้น นอกจากนี้ การออกแบบเกมยังพยายามเอื้อทางฝั่งคอนโซล โดยดูจากฟังก์ชั่นต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการของทีมงาน และเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์เกม FPS โลก
ในส่วนของการรีมาสเตอร์ คุณภาพกราฟิกของเกมทิ้งภาคแรกแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งคงเป็นเพราะซอร์สไฟล์ดั้งเดิมไม่ได้สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีเก่าแก่แบบภาค 1 ทำให้ตัวเกมแสดงภาพที่คมกว่า ดีเทลมากกว่า เล่นแล้วค่อยรู้สึกว่านี่คือการรีมาสเตอร์หน่อย
ด้านเกมเพลย์แล้วก็เนื้อหาเกม ต้องถือว่านี่มันเกมระดับขึ้นหิ้งครับ เล่นกี่ทีก็สนุก ระบบกันเพลย์มันสะใจ แถมแคมเปญในภาคนี้ก็เล่นได้ยาว ๆ ราวสิบชั่วโมง เนื้อหาเข้มข้นใช้ได้
CRYSIS 3
ภาคสุดท้ายที่เวอร์ชันต้นฉบับออกเมื่อปี 2013 โดยในการรีมาสเตอร์ครั้งนี้ หากใครเปิดเทียบกับตัวเกมเวอร์ชันเก่าของ PS3 จะพบได้ทันทีว่า เขาปรับให้มันคมชัดขึ้น แต่ดีเทลเท่าเดิมนะครับ แค่ภาพที่ได้คมแบบ 4K นั่นเอง
ด้านตัวเกม ต้องบอกว่าภาค 3 คือการพบกันครึ่งทางระหว่างภาค 1 กับภาค 2 โดยมีการปรับสมดุลด้านฉากให้มีความอิสระมากขึ้น กึ่ง ๆ โอเพ่นเวิลด์ บวกกับการเล่าเรื่องด้วยคัตซีนกับแอ็กชันคิวที่ดุเดือดเร้าใจ ส่งผลให้หลายคนชื่นชอบภาค 3 นี้มากกว่าภาคอื่น จะมีโดนติบ้างก็เรื่องความสั้นของเกมครับ วิ่งลุย ๆ ราว 7 ชั่วโมงก็จบแคมเปญเนื้อเรื่องได้แล้ว
Summary
มาถึงบทสรุป ผมขอตบโต๊ะฟันธงเลยว่า คุณงามความดีทั้งหมดของเกม Crysis Remastered Trilogy อยู่ที่ “ความคุ้มค่า” ครับผม ลองนึกดูนะ คุณจะได้เกมยิงเนื้อเรื่องเข้มข้นที่เล่นได้ประมาณสิบชั่วโมงต่อเกม มาแบบมัดรวมถึง 3 เกมในราคาแค่ 1,590 บาทอ้างอิงจาก PSN สโตร์ไทย (ไตรภาคนี้ไม่รวมภาคแยก Crysis Warhead) ซึ่งใครจะซื้อแยกก็ได้ แต่อาจจะไม่คุ้มเพราะเขาขายเดี่ยว ๆ ภาคละ 1,059 บาทเลยทีเดียว บีบให้ซื้อแบบ Trilogy ว่างั้นเถอะ (ฮา)
เท่านั้นไม่พอ ตัวเกมทั้งหมดยังได้รับการปรับปรุงแบบรีมาสเตอร์ ยกระดับกราฟิกขึ้นมาอีกนิด ให้พอรู้สึกว่าคุ้มกับการหวนไปเล่นเกมเก่า ซึ่งผมเองที่ได้เล่นแล้วก็ขอบอกว่าไม่ผิดหวังนะ ได้เล่นเกมฮิตคุณภาพดีในอดีตแบบเรียงทีละภาค จาก 1 ไป 2 ไป 3 ได้เห็นวิวัฒนาการของตัวเกม ได้ย้อนไปเจอกับโนแมด, โพรเฟต, ไซโค, อัลคาทราซ เหล่าทหารนาโนสูททั้งหลาย ได้เห็นทั้งจุดเด่นของซีรีส์ และข้อด้อยที่ปัจจุบันกลายเป็นฟีเจอร์ล้าหลังไปแล้ว…ต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ช่วยให้เต็มอิ่มดีนะครับ กับแฟรนไชส์ระดับตำนานที่ชื่อว่า Crysis
Good
- คุ้มค่าเงิน, ได้ 3 เกมในราคามัดรวมที่ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับราคาเกมอื่น ๆ ในปัจจุบัน
- คุณภาพกราฟิก “โดยรวม” ถือว่าทำได้ดีมาก โดยเฉพาะภาค 2 และ 3
- ระบบเกมและเนื้อหาเกมดั้งเดิม ถือเป็นผลงานคุณภาพ ใครไม่เคยเล่นมาลองเล่นครั้งแรกก็จะพบกับเกมระดับ AAA ใครเล่นแล้วมาเล่นซ้ำก็ยังคงสนุกได้อีกรอบ
Bad
- RayTracing เลือกปรับได้แค่ภาคแรก ไม่มีอ็อปชันนี้ในไครซิส 2 และ 3
- เกมฟรีซช่วงออโต้เซฟ (เช็กพอยต์) เป็นเวลาสั้น ๆ ทั้งสามภาค ขนาดเล่นบน PS5
- AI ศัตรูก่งก๊ง และไม่ค่อยสมจริง โดยเฉพาะในสองภาคแรก
- ไตรภาคทั้งหมดนี้ไม่รวมเอาโหมดมัลติเพลเยอร์มาด้วย