รีวิว Five Nights at Freddy’s: Security Breach
ตีตั๋ว ทัวร์สวนสนุกนรก
ขอขอบคุณโค้ดรีวิวเวอร์ชัน PS5 จาก Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้
หมายเหตุ: ช่วงเวลาที่ผมเล่นเกมนี้คือวันที่ 24 มีนาคม 2022 บนเครื่อง PS5 ซึ่งเกมอาจมีการปรับปรุงพัฒนามาก่อนหน้านี้ในช่วงหลังวางจำหน่ายตอนแรกแล้ว ทำให้ประสบการณ์ของการรีวิวเกมนี้และคนที่ได้เล่นเมื่อตอนเกมออกอาจแตกต่างกัน
เห็นผ่านตามาก็มาก ได้ยินผ่านหูก็บ่อยครั้ง ในที่สุด Five Nights at Freddy’s: Security Breach ก็ทำให้ผมเองได้ก้าวเท้าเข้าไปทำความรู้จักซีรีส์จักรวาลหมีหลอน กล้องวงจรมรณะ Five Nights at Freddy’s หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า FNaF จากนั้นผมก็มาอ๋อว่ามันเป็นซีรีส์สยองเชื้อสายอินดี้ที่มีชื่อชั้นยาวนานตั้งแต่ปี 2014 โดยมี Clickteam เป็นคนก่อตั้งต้นตระกูลแฟรนไชส์นี้ ต่อมาเนื้อเรื่องก็แตกขยายไปในหลากหลายสื่อ กลายไปเป็น AR, VR กระทั่งนิยายภาพ จน Steel Wool Studios กับ Illumix เปิดตัว Five Nights at Freddy’s: Security Breach ให้เป็นเกมแนวสำรวจในมุมมองบุคคลที่หนึ่งอย่างจัดเต็มเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้เอง
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวเริ่มต้นในงานแสดงคอนเสิร์ตเปิดคืนสยองที่ศูนย์บันเทิง Mega Pizzaplex สิ่งที่เกิดขึ้นคือหุ่นหมีมาสคอตในวงชื่อ Freddy เกิดความผิดปกติทางเทคนิคบางอย่างจนงานล่มไป เมื่อระบบของมันกลับมาทำงานอีกครั้ง Freddy ก็พบกับเด็กชายชื่อ Gregory ซึ่งหลงทางในห้างยามวิกาล และต้องการความช่วยเหลือจาก Freddy เพื่อพาเขาออกไป ถ้าในสถานการณ์ปกติ Gregory ก็แค่ออกไปหา รปภ. เพื่อพาตัวกลับบ้าน แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะทำแบบนั้นเพราะมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับหุ่นยนตร์ที่ทำงานที่นี่…
เรื่องราวจะเล่าผ่านสายตาของ Gregory ที่ส่วนใหญ่จะต้องผจญภัยในห้างหลอนนี้ลำพัง แต่ Freddy จะคอยแนะนำและช่วยเหลือเขาผ่านการสื่อสารทางไกลตลอดเวลา เนื้อเรื่องของเกมจะพาคุณไปไขปริศนาของเบื้องหลังชวนหลอนทั้งหมด เปิดเผยแง่มุมน่าสะพรึงของผู้ไล่ล่าแต่ละตัว จนถึงจุดหนึ่ง คุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ต่อกับ Freddy ในห้าง หรือหนีเอาชีวิตรอดไปคนเดียว
ฉากจบในเกมยังสืบทอดรูปแบบมาจากเกมภาคก่อน ๆ ที่จำนวนดาวจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะได้ฉากจบแบบไหน ซึ่งแต่ละแบบก็มีเงื่อนไขแตกต่างกัน และปล่อยให้คนเล่นได้ตีความต่อเอาเองจนเกิดทฤษฎีมากมาย ทำให้มีคนสนใจจะย้อนกลับไปทำความรู้จักกับซีรีส์นี้มากยิ่งขึ้น
เกมเพลย์
FNaF: Security Breach เป็นเกมสำรวจหลบซ่อนสยองขวัญ ที่เกมจะโอเวอร์ทันทีเมื่อศัตรูจับตัวเราได้ ความหลอนของเกมจะไปพึ่งพาเทคนิคจัมป์สแกร์เป็นหลัก โดยเกมจะมีผู้ไล่ล่าหลัก ๆ อยู่ 3 ตัว ก็คือบรรดาหุ่นร่วมวงของ Freddy ทั้งจระเข้ Monty, ไก่ Chica, และ หมาป่า Roxy ถึงฟังดูแล้วพวกมันจะเหมือนเป็นมาสคอตเดินไปมาก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าผมแอบหน้าสั่นเล็กน้อยตอนที่โดนจับตัวได้ครั้งแรก ทีมพัฒนาเพิ่มความระทึกด้วยการให้พวกมันมีน้ำหนักตัวเยอะมาก การหนีแต่ละครั้งเลยเหมือนมีเหล็กยักษ์กระทบพื้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ใครที่คิดว่าการหนีพวกหุ่นติงต๊องจะไปน่ากลัวอะไรอาจต้องลองสัมผัสด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ก็ยังมีพวกลูกกระจ๊อกยิบย่อยเป็นหุ่นตรวจตราความปลอดภัยที่คอยส่งสัญญาณบอกตำแหน่งเราให้นักล่ารับรู้ มีหุ่นแจกแผนที่ที่คอยกระตุกจิตเราเป็นระยะ แถมยังมีหุ่นผีตีฉาบในช่องแอร์ และศัตรูลับอีกมากมาย แต่ถึงจะมีคอนเทนต์หลอนแน่นแบบนั้น เอาเข้าจริงผมรู้สึกว่าเกมใส่จัมป์สแกร์เข้ามาพร่ำเพรื่อไปหน่อย ถ้าใส่ให้ผู้ไล่ล่าตัวหลัก ๆ โดยเฉพาะ แล้วเพิ่มกิมมิคความแตกต่างในตอนจับตัวเราได้แต่ละครั้งน่าจะโอเคกว่า
FNaF: Security Breach ยังใช้องค์ประกอบความน่ากลัวคลาสสิคนั่นคือความมืดของฉาก, ศัตรู, และเสียง แต่ระดับความน่ากลัวในเกมไม่ได้อยู่แค่สภาพแวดล้อม มันอยู่ที่ว่าตัวละครของเราทำอะไรได้ด้วย พอผมยก Outlast มาเปรียบเทียบ ก็เห็นชัดเลยว่าไอ้เด็กในเกมนี้ทำอะไรได้เยอะกว่ามาก เราสามารถดูการเคลื่อนไหวศัตรูผ่านกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกับนาฬิกา และช่วงหลัง ๆ เราจะมีปืนเลเซอร์ใช้ยิงให้ศัตรูอยู่กับที่ ไปจนถึงการเรียก Freddy มาให้เราซ่อนข้างในเพื่อใช้เดินทางได้โดยไม่ต้องกังวลศัตรู อีกทั้ง FNaF: Security Breach ยังเป็นเกมสยองขวัญในจำนวนไม่มากที่ให้ตัวละครเอก “เอาคืน” พวกผู้ไล่ล่าได้ แต่พูดขนาดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะท้าชนได้มากมาย เพราะความสามารถทั้งหมดของเรามันก็ยังถูกตีกรอบให้ด้อยกว่าฝั่งผู้ไล่ล่าอยู่ดี นับว่าทีมงานเข้าใจใส่ลูกเล่นแบบพอเหมาะพอมือให้ตัวละครในเกมแนวสยองขวัญที่เรามักทำอะไรไม่ได้มากนัก
ขอบ่นนิดหน่อยตรงระบบการเซฟและระบบระบุเป้าหมาย ตัวเกมจะให้เราเซฟเองตามจุดต่าง ๆ และมันก็กลายเป็นเช็คพอยต์เมื่อเราตาย ในแง่หนึ่งผมคิดว่าทีมพัฒนาตั้งใจใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความกดดันมากขึ้น เพราะเวลาเซฟเราต้องมีเวลาสัก 3 – 5 วินาที ใครจะรู้ว่าผู้ไล่ล่าอาจโผล่มาตอนนั้นก็ได้ แต่ผมคิดว่าเกมไม่ต้องทำให้อะไรมันยากขนาดนั้น เพราะทุกอย่างมันกดดันอยู่แล้ว
ปัญหาทางเทคนิค
สิ่งที่นักวิจารณ์รุมจวกกันในตอนเกมออก คือปัญหาด้านเทคนิคของตัวเกม สำหรับผมที่เพิ่งมาเล่นได้ไม่นานส่วนใหญ่ที่พบเจอคือเรื่องบั๊กการแสดงผล ซึ่งผมก็ต้องบอกตามตรงว่ามันอาจลดทอนประสบการณ์การเล่นไปบ้างตอนเราเห็นหัวผู้ไล่ล่ามากระตุกสั่น ๆ ตรงประตูที่ปิด แต่ถ้าไม่นับเรื่องบั๊กการแสดงผล ผมยังไม่เจอบั๊กที่ทำให้เกมพังขนาดเล่นไม่ได้
งานออกแบบ
มีส่วนที่ทั้งน่าประทับใจและสิ่งที่ต้องเตือน ผมชื่นชมงานออกแบบศิลป์ของเกมนี้ได้ ถึงฉากของเกมจะเป็นศูนย์รวมความบันเทิงชื่อ Mega Pizzaplex แต่พอได้สำรวจฉากไปเรื่อย ๆ มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าไปในผับยุค 80 ที่มีขนาดใหญ่โต มีการตกแต่งแบบใช้ Synthwave ไฟนีออน, ตู้เกมอาร์เคด, และพวกการ์ตูนลายเส้นแบบย้อนยุคหน่อย ๆ บรรยากาศของเกมเลยให้ความรู้สึกฉีกแนวจากฉากในเกมสยองขวัญทั่ว ๆ ไปอย่างบ้านร้าง โรงพยาบาลร้าง ป่าช้า ฯลฯ พูดง่าย ๆ คือมันให้รสชาติหลอนที่แปลกประหลาดดี
แต่! พอเรามาดูกันที่งานออกแบบฉากทางกายภาพจริง ๆ นี่คือข่าวร้ายสำหรับคนที่แพ้เกมบุคคลที่หนึ่งแล้วล่ะครับ เพราะเกมมีส่วนเน้นเส้นทางเขาวงกตเยอะมาก คุณจะได้เจอฉากทำภารกิจในที่มืดและเส้นทางวนเวียนตั้งแต่ชั่วโมงแรก รวมถึงการกดดันจากการถูกไล่ล่าไปด้วย ผลกระทบของการออกแบบลักษณะนี้รุนแรงถึงขั้นที่ว่า ถ้าจะแปะฉลากห้ามคนแพ้เกมแนวนี้เล่นก็ดูสมเหตุสมผลเลยทีเดียว อาจต้องย้ำตรงนี้อีกครั้งว่าถ้าร่างกายคุณไม่ได้มีปัญหากับเกมบุคคลที่หนึ่ง คุณสามารถข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลย
อีกเรื่องหนึ่งก็คือซับไตเติลครับ ขนาดของตัวอักษรที่ใส่มาขนาดธรรมดาก็ใหญ่พอสมควรแล้ว และยังมีขยายให้ใหญ่ขึ้นได้อีกหนึ่งขั้น แต่เรื่องนี้คงจะไม่เป็นประเด็นถ้าทีมพัฒนาให้เวลาในการตัดประโยคซับไตเติลบ้าง พอปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่และมีบทพูดยาว ๆ แล้วแทบจะเหมือนนั่งอ่านบทความ
สรุป
ถึงจะเปิดตัวมาได้ไม่ค่อยปังในสายตานักวิจารณ์ตอนแรก แต่ในสายตาของผมเมื่อดูภาพรวมแล้ว Five Nights at Freddy’s: Security Breach ไม่ได้เป็นเกมที่เกินเยียวยา ถึงมันแทบจะเป็นของต้องห้ามของคนที่แพ้เกมบุคคลที่หนึ่ง ยังไงซะ มันก็เป็นเกมเขย่าขวัญที่เป็นตัวของตัวเอง มีคอนเทนต์ในระดับน่าพอใจ ที่สำคัญผมคิดว่ามันช่วยทำให้หน้าใหม่ได้หันมามองและอาจอยากดำดิ่งไปกับประวัติศาสตร์เรื่องราวของแฟรนไชส์หมีหลอนนี้ด้วย