รีวิว XIII (REMAKE)
ขอขอบคุณโค้ดเกม (PS5) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2546 ผมมีโอกาสได้เล่นเกม XIII ฉบับออริจินัลบนเครื่อง PC จำได้ว่าตอนนั้นกระแสเกมนี้ค่อนข้างดี เพราะเป็นเกมยิง FPS ที่ใช้งานภาพแบบเซลเฉด ที่กำลังฮิตมากในยุคนั้น ตัวเกมก็ถือว่าประสบความสำเร็จระดับกลาง ๆ คือมีระบบเกมเพลย์ตามสูตรสำเร็จที่คล้ายกันไปหมดในสมัยนั้น ซึ่งมันเล่นสนุกนะครับ ไม่ได้แย่ และถ้าผมจำไม่ผิด ข่าวตอนนั้นรายงานว่าตัวเกมค่อนข้างฮิตและขายดีในยุโรป เพราะต้นฉบับเนื้อเรื่อง XIII เป็นการ์ตูนดังในประเทศฝรั่งเศส
เวลาล่วงเลยมายาวนานจนถึงเมื่อปี 2563 ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Microids publishing ก็อุตริ เอ้ย! มีดำริอยากเอา XIII มาปัดฝุ่นใหม่ในแบบรีมาสเตอร์ เลยจับไอเดียเผือกร้อนดังกล่าวไปยัดใส่มือทีมงาน PlayMagic ให้มาทำเกม (เป็นสตูดิโอเกมในประเทศมอลตา) หวังขายให้กับพีซี และคอนโซล PlayStation 4 และ Xbox One
แผนงานก็ดูเรียบ ๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ปรากฏว่า จากของเดิมที่กะเอาแค่เกมต้นฉบับเนี่ยมารีมาสเตอร์เฉย ๆ โดยใช้ plug-ins ของเอนจิ้น Unity แต่มันทำไม่ได้! เพราะซอร์สโค้ดดั้งเดิมมันหายครับ ไม่อยู่แล้ว แถมตัวเกมที่มีถืออยู่ก็ทำบนเอนจิ้นเก่าแก่เกินกว่าจะเอามาปรับปรุงอะไรได้อีก สุดท้ายเลยต้องจำใจ “รีเมก” เกมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด…ใช่แล้วครับ ทีมงาน PlayMagic ทำเกมขึ้นใหม่ให้มีการเล่นเหมือนเกม(ยุค)เก่า ซึ่งตัวงานรวมถึงหน้าจอเมนูและฉากคัตซีนก็ต้องทำใหม่ทั้งหมด
ผลประกอบการที่ได้คือเละครับ ตัวเกมฟันคะแนนเฉลี่ยเวอร์ชันพีซีไป 29/100 ในเว็บเมตาฯ (ส่วนของ PS4 ได้ 39) ถือว่าต่ำมากนะครับ หายนะชัด ๆ ซึ่งทาง Microids ก็ไม่รอช้า จัดการเปลี่ยนทีมงานแบบยกเครื่อง ไม่ให้ PlayMagic ทำต่อแล้ว แต่โยกงานมาให้ทีม Tower Five รับช่วงต่อโดยมีโจทย์ว่าให้รีมาสเตอร์เวอร์ชันของ PlayMagic ให้แก้บั๊กให้หมด พร้อมอัปเกรดภาพให้รองรับ Nintendo Switch, PlayStation 5 และ Xbox Series X|S
แล้วสุดท้ายก็คลอดออกมาเป็น XIII (REMAKE) ครั้งที่สองที่เพิ่งวางจำหน่ายล่าสุดนี่แหละคร้าบบบ!
STORY
เนื้อเรื่องของ XIII ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเรื่องเดียวกัน ผลงานสร้างสรรค์โดย William Vance และเขียนโดย Jean Van Hamme (ตอนแรกผมนึกว่า ฌอง โคล้ด แวนแดม 5555 คือถ้ามีคนมาบอกผมว่าเนื้อเรื่องเกมนี้แต่งโดยแวนแดม หรือไม่ก็ ชัค นอร์ริส นี่ผมเชื่อเลยนะครับ คือมันเป็นหนังแอ็กชันเชย ๆ แต่คลาสสิกแบบยุค 80 ชัดเจนเลยครับ)
โดยเริ่มต้นมา…คุณตื่นขึ้นมาด้วยอาการบาดเจ็บและความจำเสื่อมบนชายฝั่งของชายหาดฝั่งตะวันออกของสหรัฐ เบาะแสเดียวเกี่ยวกับตัวตนของคุณคือรอยสักหมายเลข XIII บนกระดูกไหปลาร้า และกุญแจสู่ตู้เก็บของ แม้จะสูญเสียความทรงจำ แต่คุณตระหนักดีว่าไม่ได้ลืมทุกสิ่ง เนื่องจากคุณดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่น่าอัศจรรย์เทียบได้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี อีกไม่นานคุณจะได้ค้นพบอดีตของคุณ ค้นพบการสังหารประธานาธิบดีสหรัฐ และเปิดเผยแผนการสมคบคิดที่ตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
สรุปคือคุณจะได้รับบทชายผู้ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเอง และพยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับการก่อการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่
ซึ่ง…พอเล่นไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่าเนื้อเรื่องมันค่อนข้าง…เชยและเดาง่ายมากครับ ไม่มีลูกเล่น จุดหักมุม หรือแม้แต่มุกตลกใด ๆ ให้เห็น มันเป็นงานเล่าเรื่องแบบยุคก่อนที่เกมเมอร์รุ่นเก่าหน่อยอาจจะเข้าใจที่ผมกำลังจะสื่อ เอาง่าย ๆ นะ เกมนี้เล่นแบบจบแล้วจบกัน แทบไม่มีอะไรให้จดจำหรือประทับใจมากนัก
GAMEPLAY
ที่สุดแห่งความโบราณ ย้อนยุค โอลด์สคูล แต่สนุกนะเออ! คือมันเป็นเกม FPS จากสมัยนู้นอ่ะคุณ คุณต้องเข้าใจ (และทำใจ 555) ว่ามันมีความแตกต่างอย่างมากจากเกม AAA สมัยใหม่
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ อาทิ ศัตรูจะเดินมายืนยิงตรงหน้า โล่งๆ ไม่มีระบบกำบัง, เวลาเราปีนบันไดลิง จะเห็นว่ามือจับปืนทั้งสองมือแถมเปลี่ยนแมกกาซีนได้ด้วยนะ ไม่ต้องจับบันไดก็ปีนได้ซะงั้น, เวลาไขกุญแจคือเราจะเอาลูกกุญแจทิ่มที่กลางประตู ไม่ใช่ตรงลูกบิดนะ ทิ่มใส่ประตูแล้วประตูเปิดเองได้ ฯลฯ
เหล่านี้แหละครับ ความย้อนยุค (และความขี้เกียจของทีมงานรีเมก) ที่เขายังอุตส่าห์คงเอาไว้ ไม่รู้จักทำให้มันดีขึ้นเลย
ส่วนที่ผมบอกว่าเกมมันก็ยังเล่นสนุก อันนี้ผมก็พูดจริงนะครับ ในความหมายที่ว่า ตัวเกมสามารถเล่นเอาเพลินได้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินยิง เดินยิง รีโหลดแล้วยิงต่อ ผมรู้สึกว่าเกมมันทำให้นึกถึงอดีตดีเหมือนกัน เหมือนย้อนเวลาไปเล่นเกมยิงเก่า ๆ เมื่อครั้งวันวานยังหวานอยู่
ART & CREATIVITY
ในหัวข้อนี้ ผมจะมาตัดเกรดการแก้งานของทีม Tower Five ว่าพวกเขาทำให้เกมดูดีมากขึ้นแค่ไหนจากของเดิม โดยผมเล่นเกมเวอร์ชัน PS5 ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า คุณภาพของกราฟิกที่ได้ค่อนข้างแย่ ภาพหยาบมากครับ โดยเฉพาะเวลาศัตรูโผล่มาจากที่ไกล ๆ ภาพจะเบลอมาก ก่อนจะค่อย ๆ ชัดขึ้นเมื่อมันวิ่งมาใกล้ถึงตัวเรา และพอเล่นไปนาน ๆ ผมไม่รู้สึกว่าเล่นเกมของ PS5 อยู่เลย …เหมือนมันเป็นเกมจากเครื่อง PS3 มากกว่า
ส่วนการแก้บั๊กนั้น พบว่าบั๊กใหญ่ทั้งหลายที่เคยมีรายงานเมื่อสมัย PS4 หายไปหมดสิ้นแล้ว ตัวเกมสามารถเล่นจนจบได้ไม่มีปัญหา ส่วนตัวผมเองที่เจอขณะเล่นก็คือ หากเราวิ่งลัดคิว, วิ่งนำเพื่อนร่วมทีม NPC บางครั้งจะทำให้ระบบเกมมันลัดวงจร อีเวนต์ถัดไปตามเนื้อเรื่องจะไม่เกิดอ่ะครับ ทุกอย่างหยุดนิ่ง ค้างไปดื้อ ๆ ต้องรีโหลดเช็กพอยต์มาเล่นใหม่ถึงจะผ่าน กล่าวคือต้องรอให้เหตุการณ์มันเป็นไปตามแอ็กชันคิวของตัวเกม เราถึงจะสามารถเดินเรื่องต่อได้…ซึ่งประเด็นนี้บางครั้งทำให้ผมหงุดหงิดและสับสนอย่างมากเวลาเล่น
ผมขออธิบายให้เห็นภาพเพิ่มเติม อย่างเวลาเราฟังเพื่อน NPC กำลังอธิบายภารกิจ แล้วเราเดินไล่เปิดประตูจะหาทางไปต่อ ประตูมันจะเปิดไม่ได้ครับ ต้องรอให้เอไอมันพูดจบเสียก่อนถึงจะเปิดได้ ไอ้ตรงนี้แหละบางครั้งทำผมสับสน นึกว่าทางมันตัน ประตูมันล็อก …ที่ไหนได้ เราต้องรอแอ็กชันคิวจากเกม ประตูมันถึงจะเปิด เสียเวลาทำมาหากินสุด ๆ
CONCLUSION
เขียนรีวิวเกมนี้มีแต่ด่ามากกว่าชม แต่ผมก็ยังเชียร์ตัวเกมนะเออ โดยผมมองว่า XIII (REMAKE) เหมาะมากที่จะเอามาเล่นคลายเครียด “หากมันลดราคา” ยิ่งถ้าลดเยอะ ๆ ซัก 60-70% เมื่อไหร่ผมแนะนำเลยว่าเกมเล่นได้ สนุกเพลิน ๆ ยิ่งถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ที่ผ่านเกมยิง FPS ยุค 90 มาอย่างโชกโชนล่ะก็ ผมขอแนะนำ เล่นเถอะ เหมือนเจอเพื่อนเก่าเพื่อแก่แบบนั้นเลยล่ะ
Pros
- ถ้าจะมองว่าเขาอัปเกรดตัวเกมให้เล่นได้แล้วนั้นเป็นข้อดี ก็โอเค เขาทำได้
- ถ้าคุณชอบเกมยิงแบบโบราณ ๆ เกมนี้ใช่เลยสำหรับคุณ, รับรองถูกใจ
Cons
- ระบบกันเพลย์ล้าสมัย…มาก
- ภาพกราฟิกต่าง ๆ ไม่สมกับเกมบนเครื่องเน็กซ์เจน
- ถึงจะแก้บั๊กไปได้เยอะแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะหมด บั๊กเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังพอมีให้เห็น