รีวิว PATHFINDER: WRATH OF THE RIGHTEOUS [PS4/PS5]
ขอขอบคุณโค้ดเกม (PS4) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
หมายเหตุ: การรีวิวในครั้งนี้ ไม่รวมเวอร์ชันนินเทนโด สวิชต์ นะครับ ซึ่งเท่าที่ได้ยินมา พบว่ามีความแตกต่างกันพอสมควรระหว่างเวอร์ชันคอนโซล PS4, XBOX กับของสวิตช์
เมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้วผมเขียนบทความเกี่ยวกับ “10 สุดยอดเกมประทับใจในปี 2021” ซึ่งตัวผมเองจัดอันดับเกม Pathfinder: Wrath of the Righteous เวอร์ชัน PC ไว้ในลำดับที่ 3 เลยทีเดียว ด้วยเหตุผลที่ผมคิดว่านี่คือเกมในแนว CRPG ที่ดีที่สุดของปี มันทั้งครบเครื่อง ลงตัว และเต็มไปด้วยดีเทลสุดลึกล้ำให้ได้เล่นกันได้เป็นร้อยชั่วโมง แถมภาพกราฟิกก็สวยงามอีกด้วย
จากนั้นผมก็ได้ข่าวสำคัญว่าทีมงาน Owlcat Games มีโครงการผันตัวเกมมาลงขายให้กับฝั่งคอนโซลด้วย ซึ่งผมก็ตั้งตารอเล่นมานับแต่นั้น ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า อยากลองเล่นเกมนี้อีกครั้งบนเครื่อง PS5 อยากดูว่ากราฟิกจะสวยแค่ไหน เพราะตอนที่ผมเล่นบน PC ผมต้องปรับคุณภาพการแสดงผลไว้ที่ขั้นต่ำสุด เนื่องด้วยคอมฯ ผมมันเก่าแก่แล้ว…เช่นเดียวกับเจ้าของมัน (ฮา)
และแล้ววันนั้นก็มาถึงครับ ในที่สุดเกมเวอร์ชัน PS4 (ที่สามารถเล่นได้บน PS5 ด้วย) ก็ถูกส่งมาถึงมือให้ผมรีวิว โดยขอกล่าวแต่ต้นเลยนะครับว่า ผมจะเน้นวิเคราะห์ไปที่ฟังค์ชันการเล่นบนคอนโซล (โดยเฉพาะการใช้จอยเล่น) เป็นหลัก เพื่อให้ผู้ที่สนใจเวอร์ชันนี้ได้เห็นภาพชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุนซื้อเกมมาเป็นของตัวเอง
STORY
มาดูกันเบื้องต้นก่อนในส่วนของพล็อตเรื่องหลัก สำหรับ Pathfinder: Wrath of the Righteous เป็นภาคต่อจากภาคแรกนั่นคือ Pathfinder: Kingmaker (2018) แต่ทั้งสองภาคไม่ได้แชร์เนื้อหาเรื่องราวต่อเนื่องกันแต่อย่างใด คุณเล่นภาคล่าสุดนี่ได้เลยโดยไม่ต้องห่วงว่าจะพลาดเรื่องราวก่อนหน้า
ใน Wrath of the Righteous เปิดเรื่องมาในดินแดนที่มีชื่อว่า เมนเดฟ ที่อยู่มาวันหนึ่ง เกิดปรากฏการณ์ “แผลแห่งพิภพ” หรือ Worldwound ซึ่งเป็นรอยแยกมิติที่นำพาปีศาจร้ายจากความดำมืดอันลึกล้ำ (Abyss) ขึ้นมาโผล่ในโลกคนเป็น (Mortal world) เดือดร้อนให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องจัดตั้งกองกำลัง “ครูเสด” เพื่อต่อกรกับกองทัพมารดังกล่าว
ทีนี้ปัญหาซ้ำซ้อนมันยิ่งเลวร้ายขึ้นน่ะสิครับ เพราะไอ้ผีร้ายพวกนี้ เวลาเราฆ่ามันบนโลกมนุษย์ มันก็จะตายกลับไปที่ Abyss แล้วมันก็แหวกรู Worldwound กลับขึ้นมาใหม่ได้ไม่รู้จบ คุณจะได้รับบทผู้นำทีมจัดตั้งกองกำลังต่อกรกับพวกปีศาจร้ายโดยเริ่มต้นจากเมืองของคุณก่อน ที่เคนาเบรส ดินแดนรอบนอกของเมนเดฟ และช่วงต้นเกมนี้เองที่คุณจะได้ค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษบางอย่างที่ใช้สนับสนุนการต่อสู้ได้ จนได้รับเผือกร้อน เอ้ย! ได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังครูเสดที่ 5 โดยราชินีกัลเฟรย์แห่งเมนเดฟ ให้ออกเดินทางค้นหาวิธีปิดแผลแห่งพิภพให้จงได้
แค่เริ่มก็มันแล้วครับ! แต่บอกเลยนี่แค่น้ำจิ้ม เพราะเอาตั้งแต่เควสต์แรกที่คุณต้องย้อนไปสำรวจความเสียหายในย่านตลาดร้านค้าของเคนาเบรส ที่ถูกฝูงปีศาจถล่มตอนเริ่มเกม คุณก็จะได้พบกับเควสต์ย่อยอีกบานตะไท แถมด้วยตัวละคร NPC มากหน้าหลายตา ผมแนะนำหนัก ๆ เลยสำหรับมือใหม่ว่าให้ค่อย ๆ เล่น อย่ารีบเร่งเก็บเควสต์หลักอย่างเดียวนะครับ เดี๋ยวหมดสนุก อดพบเรื่องราวแยกย่อยทีเด็ดไปเพียบเลยล่ะ
GAMEPLAY [Console Version]
แล้วก็มาถึงส่วนสำคัญ โดยเกมเป็นคลาสสิก party-based RPG คุณพาตี้ออกไปได้ทีละ 6 คน (สลับสับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาในฉากแผนที่) เลือกคลาสอาชีพพื้นฐานได้ 25 คลาส (แต่ละคลาสก็จะมีซับ-คลาสแยกย่อยไปได้อีกเพียบ) และยังมีคลาสขั้นสูงอีก 13 แบบ ซึ่งทุกอาชีพจะมีสกิลพลังพิเศษใช้ได้แตกต่างกันไป สรุปคือคุณสร้างตัวละครได้อิสระมาก อยากได้นักรบ-นักเวทย์แบบไหนก็เลือกจิ้มกันได้ แค่สร้างตัวละครหลักนี่บางคนอาจหมดไปวันหนึ่งเลยอ่ะครับ
ระบบต่อสู้ในเกมนี้จะไม่ต่างจากพีซี นั่นคือคุณเลือกสลับไปมาได้ตามถนัดระหว่าง ระบบสู้เรียลไทม์อัตโนมัติ แต่กดหยุดเพื่อใช้สกิลได้ กับอีกแบบคือ เทิร์นเบสแท้ ๆ ผลัดตาเดิน (เหมือนเกม Divinity: Original Sin) ทั้งสองแบบทำออกมาได้ดี เล่นสนุกมาก โดยส่วนตัว ผมจะใช้แบบแรกกับการท่องแมปทั่วไป หรือเวลาสู้กับลูกจ๊อก, เควสต์ง่าย ๆ แต่ถ้าเจอปีศาจระดับบอส ผมจะเปิดเทิร์นเบส เพื่อบรรจงเลือกเวทย์แรง ๆ ประเคนใส่กลางหัวพวกมัน…อะไรแบบนี้เป็นต้น
ทีนี้มาดูฟังค์ชันเมื่อใช้จอยของคอนโซล ตัวเกมเขาออกแบบมางี้ครับ คือเขาปรับเมนูมาเป็นสำรับไพ่ เมื่ออยากเรียกหน้าจอตัวละคร, ไอเท็ม, แผนที่ ฯลฯ ให้กดปุ่ม R2 ค้างไว้เพื่อเรียกการ์ดเมนูขึ้นมาหน้าจอ จากนั้นคุณก็เลื่อนซ้าย-ขวาเพื่อเลือกเมนูที่ต้องการ ส่วนการสลับตัวละครเพื่อบริหารจัดการเป็นรายคน ให้กด L2 ค้างไว้แล้วค่อยกดเปลี่ยนตัวละครเพื่อเลือก
ถามว่าใช้สะดวกมั้ย? ก็โอเคมันสู้การใช้เมาส์หรือใช้ฮ็อตคีย์บนพีซีไม่ได้แน่ ๆ ครับ คุณจะต้องฝึกใช้บ่อย ๆ จนชำนาญถึงจะเริ่มรู้สึกไม่รำคาญเมนูไพ่แบบนี้ ตอนแรกนี่ผมไม่ชอบเลย แต่เล่นไปซักพักก็เริ่มชิน เรียกใช้ได้เร็วขึ้นไปเอง
นอกจากแนวการเล่นแบบ RPG เชิงอนุรักษ์แล้ว เมื่อเข้าสู่ช่วงที่สองของเกม ผู้เล่นจะได้พบกับระบบใหม่อีกอันก็คือ ระบบครูเสดอาร์มี ที่คุณต้องวางแผนส่งกองกำลังทหารไปจัดการกับทัพปีศาจตามจุดต่าง ๆ บนแผนที่ ซึ่งจะมีลักษณะการเล่นแบบเกม 4X (เกมวางแผนสไตล์ Civilization โดย 4X ย่อมาจาก Explore, Expand, Exploit, Exterminate) ซึ่งตอนที่ทหารปะทะกับทัพปีศาจ คุณจะเลือกผลการรบแบบอัตโนมัติก็ได้ หรือเข้าควบคุมการสู้เองได้โดยตัวเกมจะตัดเข้าฉากตารางเดินหมากแบบเดียวกับเกม Might & Magic Heroes
และระบบครูเสดนี่แหละครับ มันใหญ่โตเหมือนมีเกมแยกให้เล่นอีกเกม แถมสนุกด้วยนะ (และกินเวลาสุด ๆ) ทั้งนี้ ตัวเกมมักออกแบบให้หนทางที่คณะของตัวเอกต้องผ่านไปให้ได้เนี่ย มันจะมีป้อมค่ายของทัพปีศาจขวางอยู่ เราต้องส่งกองทหารไปตีให้แตกก่อน ถึงจะสลับมาบังคับกลุ่มตัวละครของเรา เพื่อให้เดินทางไปต่อได้และก็จะกลับมาเล่นในแบบเกม RPG ปกติ
อ้อแถมท้ายกับประเด็นนี้ ก็คือ เล่นไปซักพักคุณจะสามารถอัปเกรดและก่อสร้างฐานเพิ่มเติมได้ เพื่อใช้สร้างยูนิตใหม่ ๆ เข้าสู่กองทัพครูเสดของคุณ แถมยังจัดหาแม่ทัพมาคุมกำลังได้ด้วย โดยแต่ละคนจะมีสกิลและประวัติอย่างเท่ให้ได้เลือกสรรกันตามชอบ
ART & CREATIVITY
กราฟิกการแสดงผลจัดอยู่ในระดับปานกลาง ผมผิดหวังเล็ก ๆ ในส่วนนี้ เพราะรายละเอียดดีเทลของวัสดุพื้นผิวต่าง ๆ ในฉากค่อนข้างหยาบ ไม่คมชัด หรือทำให้ร้องว้าวได้มากนัก แถมด้วยบั๊กประปรายที่มีให้พบเห็นบ่อยครั้ง (ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของตัวอักษรในเมนู ที่มีซ้อนทับกันบ้าง)
มีประเด็นใหญ่ที่ต้องเล่า นั่นคือ ตัวเกมในเวอร์ชันแรก (1.01) มีปัญหาเมมโมรีลีก โดยเมื่อเล่นไปหลายชั่วโมง ตัวเกมจะอืดอย่างเห็นได้ชัด โหลดช้ามาก และมักจะล่มเด้งกลับหน้าโฮม ซึ่งปัญหานี้ทีมงานออกมายอมรับเองในหน้าทวิตเตอร์ทางการของ Owlcat ว่าพบตัวการปัญหาแล้ว ซึ่งต่อมาล่าสุดในเวอร์ชัน 1.03 ที่มีขนาดอัปเดตราว 9 กิ๊กกว่า ๆ ผมพบว่าตัวเกมเล่นลื่นขึ้นมาก …น่าจะแก้กันได้แล้วครับ (สามารถอ่านรายละเอียดของแพตช์ได้ในหน้ารายละเอียดเกมในเครื่องของคุณได้เลย)
CONCLUSION
สรุปสั้น ๆ ให้เลยสำหรับคนใจร้อนที่อาจรูดข้ามเนื้อหามาอ่านตรงนี้ก่อน (555) ก็คือ ถ้าคุณเลือกได้, มี PC แรง ๆ “จงเล่นเกมนี้บน PC” จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติครับ แต่ถ้า! คุณเป็นนักเล่นคอนโซล มีเครื่องเกม PS4/PS5 แล้วมีคอมฯ แค่โน้ตบุ๊กไว้ใช้ทำงาน แล้วอยากเล่น Pathfinder: Wrath of the Righteous ก็จัดเวอร์ชันคอนโซลนี้ได้เลยครับ ไม่มีผิดหวัง ตัวเกมดีจริง ผมการันตี!
Pros
- ลุ่มลึก ผู้เล่นมีตัวเลือกมากมายภายในเกม ตั้งแต่ระดับตัวละครไปจนถึงเรื่องราวที่แตกแขนงไปได้หลากหลายสุด ๆ
- ระบบเกมยืดหยุ่น มีทั้งระบบเทิร์นเบส, เรียลไทม์ ตลอดจนแนววางแผนการรบ
- เกมเล่นได้นาน โลกเกมมีขนาดใหญ่มาก
- เพลงประกอบอลังการงานสร้าง
- บทของตัวละครร่วมคณะเขียนได้ดีมาก แถมมีหลายคนเข้ามาร่วมทาง แต่ละรายมีปูมหลังน่าสนใจ
Cons
- บั๊กเยอะอยู่ แถมล่าสุดทีมงานบอกว่า จะมีแพตช์อัปเดตตามมาอีกหลายตัว ให้รออัปด้วย….
- กราฟิกภาพน่าจะทำได้ดีกว่านี้ (ทีมงานชี้แจงประเด็นนี้ไว้ว่า พวกเขาต้องเลือกระหว่างความเสถียรของทั้งระบบ กับคุณภาพกราฟิก เขาต้องเลือกอย่างแรกเพื่อให้เกมเล่นได้ไหลลื่น)
ปล.Pathfinder: Wrath of the Righteous บนคอนโซล ผู้เล่นจะได้รับเกมในรูปแบบ Enhanced Edition ที่มีการปรับปรุงคุณภาพชีวิต คอนเทนต์เพิ่มเติมเป็น DLC ทั้งหมดที่เผยแพร่บน PC ตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจจุบัน (สำหรับ DLC ระดับพรีเมียมจะมีจำหน่ายแยกต่างหากหรือเป็นซีซันพาส) สุดท้ายคือโหมดภาพถ่าย ที่จะถูกเพิ่มทีหลังในการอัปเดตครั้งต่อ ๆ ไป