Articles News Previews

Rainbow Six Extraction พรีวิว (Preview) รอบสื่อ

by Reviewer Ocelot

Rainbow Six Extraction พรีวิว (Preview) รอบสื่อ

Rainbow Six Extraction พรีวิว (Preview)

*ขอขอบคุณ Ubisoft ที่เชิญ TGW เข้าร่วมทดสอบใน Demo Build ครั้งนี้ด้วยครับ

Rainbow Six Extraction เป็นอีกหนึ่งเกมของ Ubisoft ที่ยิ่งเปิดเผยข้อมูลออกมามากเท่าไร ยิ่งมีคำถามจากทั้งแฟนเกม Rainbow Six และผู้เล่นหน้าใหม่ว่าพี่จะไหวมั้ย โดยเฉพาะทรงการทำการตลาดของเกมในช่วงหลังที่มีทั้งการปรับลดราคา แถมบัดดี้พาสชวนเพื่อนมาเล่นฟรี และล่าสุดคือการประกาศให้เกมนี้สามารถเล่นบน XBOX Pass ฟรีตั้งแต่วันแรกด้วย สิ่งเหล่านี้ยิ่งสะท้อนความไม่มั่นใจหลาย ๆ อย่าง แต่ถึงแบบนั้น Ubisoft ก็ออกบัตรเชิญสื่อมวลชนให้เข้าไปลองดูด้วยตัวเองกันเลยครับ ว่าสิ่งที่กลัวกันมันจริงมากจริงน้อยแค่ไหน

ก่อนที่จะไปถึงในส่วนพรีวิว ขอบอกก่อนว่า Extraction ที่ได้ลองนับเป็น Build หรือเวอร์ชันที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เต็มที่ พรีวิวนี้ก็จะเป็นการมาบอกเล่าประสบการณ์ของ Extraction ที่ยังไม่มีการสะท้อนคุณภาพของตัวเกมจริง และพรีวิวนี้เล่นบน PC ทั้งการเล่นแบบลุยเดี่ยวและเล่นเป็นทีมพร้อมกัน 3 คน หนึ่งในนั้นมีผู้กรำศึกบนสมรภูมิ Rainbow Six Siege มานานกว่าพันชั่วโมง นักข่าวสายเกมอีกคน และตัวผมรับหน้าที่เป็นภาระของทีม

ผมขออธิบายแกนหลักของสิ่งที่เกมนี้ให้เราทำแบบคร่าว ๆ ก่อน Extraction เป็นการนำเอาทีม Rainbow มาจัดแถวใหม่ในชื่อ REACT เพื่อเตรียมประจัญบานกับภัยคุกคามต่างโลก เอเลี่ยนพวกนี้จะกระจายตัวครอบคลุมส่วนต่าง ๆ ของอเมริกา หน้าที่เราคือฟอร์มทีมเจ้าหน้าที่ 3 คน ลงไปทำภารกิจในโซนที่แบ่งไว้ โดย 1 โซนจะมี 3 ภารกิจย่อยแบบสุ่ม (เป็นตัวเลขเท่าที่ได้ลองมา โซนอื่นอาจมีภารกิจให้ทำมากกว่านี้) ผู้เล่นจะต้องทำภารกิจให้เสร็จ จะแบบสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ แล้วมุ่งหน้าไปจุดต่อไป ระหว่างการทำภารกิจผู้เล่นและทีมสามารถเลือกได้ตลอดเวลาว่าจะถอนตัวตอนไหน

ว่ากันถึงตัวภารกิจก็มีหลากหลาย แต่ไม่ได้มีความซับซ้อนหรือแสดงให้เห็นมิติของการเล่าเรื่องมากนัก เช่น ภารกิจช่วยตัวประกัน การคุ้มกันพื้นที่ การคุ้มกันแท่นระเบิด ฯลฯ ซึ่งเอาเข้าจริงคนเล่นจะเสียเวลาไปกับการตามหาเป้าหมายพวกนี้ในฉากมากกว่า ความสนุกที่ผู้สร้างตั้งใจจะให้สัมผัสคือการได้วางแผน การปะทะกับศัตรูที่มีความร้ายกาจและมาพร้อมความสามารถแบบอีหยังวะ เช่น อาร์เคี่ยนที่ใช้มือข้างหนึ่งยิงกระสุนใส่เรา ส่วนมืออีกข้างเอาไปปิดหน้าป้องกันจุดอ่อนตัวเอง รวมถึงอาร์เคี่ยนหัวหน้าบางตัวที่ออกแนวนักเวทคอยยิงพลังใส่เราก็ยังมีให้เห็น คิดว่าถ้าเล่นไปถึงโซนท้าย ๆ เกม น่าจะมีอะไรให้เจ็บตับอีกแน่นอน

ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่มีอะไรให้พูดถึงเยอะหน่อย สิ่งนั้นไม่ใช่ระบบต่อสู่ แต่มันคือระบบความก้าวหน้าของเกมที่มีความละเอียดในแบบที่ดูแล้วรู้ว่าปรุงมาเพื่อมอบรสชาติท้าทายแท้ ๆ อย่างที่หลายคนอาจรู้กันแล้วว่า ระบบชูธงของ Extraction คือ เมื่อเจ้าหน้าที่ HP หมดหลอดขณะทำภารกิจ จะมีโฟมสีเหลืองออกมาคุ้มกันตัวพวกเขาแล้วเข้าสู่สถานะ Missing In Action (MIA) นับเป็นอีกภารกิจที่รอให้เจ้าหน้าที่คนอื่นมาช่วย และผู้เล่นจะเลือกเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ได้จนกว่าจะไปช่วยพวกเขาได้สำเร็จ และถ้าหากไปช่วยแล้วเจ้าหน้าที่อีกคนล้มเหลวอีก เจ้าหน้าที่ที่โดนจับตัวไปคนแรกก็จะกลับมาพร้อมโดนลงโทษ

การลงโทษนี่ล่ะครับที่น่าสนใจ เพราะเจ้าหน้าที่แต่ละคนจะมีเลเวลเต็มที่ 10 หากเราช่วยพวกเขาจากภารกิจ MIA ไม่ได้ พวกเขาจะกลับยานแม่ในสภาพถูกลดเลเวล ทุกครั้งก่อนคุณจะออกไปทำภารกิจจึงเหมือนการเอาเกือบทุกอย่างบนหน้าตักไปเดิมพันเลยทีเดียว

พูดตรง ๆ คือเกมเพลย์ลักษณะนี้เป็นกุศโลบายพยายามบีบผู้เล่นให้ทดลองใช้เจ้าหน้าที่ไม่ซ้ำหน้ากัน ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าทำไมทีมงานถึงจับคอนเสปนี้ เพราะยิ่งผู้เล่นมีความคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่หลากหลายมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เข้าถึงประสบการณ์มัลติเพลเยอร์เกมนี้ดียิ่งขึ้น เพราะในภารกิจที่ใส่เข้ามาต่อหนึ่งด่านจะมีเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถเหมาะสมกับภารกิจนั้น ถ้าเจอฉากลอบสังหารเป้าหมายเพื่อเอาตัวอย่างไปวิจัย Vigil จะสามารถล่องหนไปฆ่าพวกมันด้านหลังทำให้งานนี้ง่ายขึ้น หรือภารกิจเก็บตัวอย่างจากรัง Pulse ก็จะฉายแสงโดดเด่นกว่าใครเพื่อน เพราะเขามีอุปกรณ์ตรวจหารังอยู่แล้ว นอกจากภารกิจ ด่านที่เลือกก็ยังส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเจ้าหน้าที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นด่านเปิดโล่ง ด่านในอาคาร พื้นที่แคบ กำแพงทำลายได้ ฯลฯ เหล่านี้คือปัจจัยสู่การเอาตัวรอดทั้งหมด เพราะอุปกรณ์ติดตั้งจำนวนมากต้องคำนึงถึงสภาพแผนที่แน่นอน

เกมเพลย์ในลักษณะนี้เลยสอดคล้องกับคอนเสปของ Extraction มาก นั่นคือเมื่อเจอภัยที่เราไม่รู้จัก ไม่ใช่แค่เราต้องสู้กับมัน แต่เราต้องเรียนรู้และวิวัฒนาการไปกับมันด้วย เหมือนผู้เล่นที่จะถูกบังคับให้ปรับตัวกับการเล่นเจ้าหน้าที่ใหม่ ๆ ฉะนั้น จากที่ได้สัมผัสมา คอนเสปเกมนี้ชัดเจนมาก แต่นั่นก็เป็นคนละเรื่องกับที่ว่าผู้เล่นจะซื้อแนวคิดนี้หรือเปล่า เพราะต้องยอมรับว่าการออกแบบเกมมาท้าทายต่อมความอดทนผู้เล่นร้อยพ่อพันแม่อาจมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่าที่คิด


ประสบการณ์แบบ Solo

เหล่าวีแกนเลือกจะไม่เข้าร้านปิ้งย่างแต่แรกฉันใด เกมเมอร์สายลุยเดี่ยวก็คงไม่มอง Extraction แต่แรกเหมือนกัน เพราะการโปรโมตและโฆษณาของเกม โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ที่มีการมัดรวมบัดดี้พาสให้เพื่อนเล่นฟรีเข้ามา ก็ยิ่งด้อยค่าความเป็นผู้เล่นเดี่ยวของเกมนี้ด้วย

แต่ก่อนที่จะด่วนสรุปแบบนั้น ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการลงพื้นที่โดยไม่มีประสบการณ์เล่น Siege มาก่อนเลย อาศัยอ่านเอาเองว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนมีความสามารถอะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งผมเน้น Pulse และ Vigil เป็นเมนหลัก แน่นอนว่าเมื่อผมเล่นคนเดียว เกมก็ต้องปรับระดับความยากให้เหมาะสมกับการเล่นคนเดียวด้วย แต่ถึงแบบนั้นผมก็ใช้เวลาทดลองปนทรมานหลายชั่วโมง เพื่อเข้าใจอารมณ์และปรับความเคยชินกับปุ่มคอนโทรล

สิ่งที่พอจะบอกได้ถ้ามาเล่นคนเดียวคือ ถือว่าไม่ขี้เหร่ครับ เกมให้ความท้าทายในลักษณะที่ทำให้เรารู้สึกพอใจและคุ้มค่าถ้าเราทำภารกิจได้สำเร็จด้วยตัวคนเดียว แต่ก็ต้องหมายเหตุตัวใหญ่ ๆ เลยว่า ความสามารถของเจ้าหน้าที่หลายคนแค่อ่านก็รู้เลยว่าถูกออกแบบมาเน้นให้เล่นกับเพื่อนจริง ๆ อย่างปืนช่วยชีวิตของ Doc ถึงจะสามารถใช้กับตัวเองได้ แต่ก็ชัดเจนว่ามีประโยชน์มากกว่าถ้าเอาไว้ช่วยเพื่อนที่ล้ม

เราเลยต้องมามองอีกมุมจากการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ 3 คน


ประสบการณ์แบบ Multiplayer (ชมวิดีโอการเล่นแบบ 3 คน ได้ด้านล่าง)

Rainbow Six Extraction ของจริงเริ่มเมื่อเกมรู้ว่ามีมนุษย์สามคนเล่นเกมด้วยกันและปรับระดับความยากขึ้นมา สิ่งที่ทีมผมต้องพบคือศัตรูที่มากขึ้น ตีแรงขึ้น รวมถึงเป้าหมายก็ต้องทวีจำนวนให้มากกว่าแค่เล่นคนเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถึงแบบนั้นความวายป่วงที่แท้จริงคือการเล่นของพวกเรามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเผลอให้ศัตรูรู้ตัว การช่วยเพื่อนที่ล้มจนตัวเองล้มตาม การแบ่งหน้าที่ยังไม่เป๊ะ และอีกมากมายที่ทำให้เราต้องดูเจ้าหน้าที่ตัวเองค่อย ๆ MIA กันไปต่อหน้าต่อตา เกมที่โชคดีหน่อยก็ช่วยกันกะเตงพาเพื่อนกลับมาฐานได้

พูดไปอาจไม่เห็นภาพ เชิญชมวิดีโอนี้หากอยากรู้ว่าการเล่นแบบ 3 คน มันให้ความรู้สึกแบบไหน

สิ่งนี้ทำให้เริ่มตั้งคำถามกับเกมว่า ผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ หรือแม้แต่หน้าเดิมจาก Siege เอง จะรู้สึกสนุกไปกับการเรียนรู้จากความผิดพลาดร่วมกับคนอื่นบ่อย ๆ หรือเปล่า เพราะจากพรีวิวนี้ที่มีการสื่อสารภาษาเดียวกันทั้ง 3 คน ยังรู้สึกว่าเกมต้องการให้เราเป็นงานมากกว่านี้ สื่อสารกันให้ลงตัวกว่านี้ ซึ่งอาจจะเป็นปัญหา สมมติคุณเป็นผู้เล่นเดี่ยวที่อยากเล่นแบบกดหาห้องแล้วไปเจอคนชาติอื่น สื่อสารภาษาอื่น หรืออาจเงียบไปเลย สิ่งที่ทำได้ก็อาจเป็นแค่การปิงและพึ่งพาความเป็นงานในเจ้าหน้าที่ของแต่ละคนล้วน ๆ

เห็นบ่นขนาดนี้ ทุกอย่างที่ผมได้สัมผัสมาใน Extraction ดูเหมือนจะอยู่ในสโคปความตั้งใจของผู้พัฒนาเกมอยู่แล้ว อย่างที่พวกเขาอยากให้ผู้เล่นได้เล่นเกมเชิงกลยุทธ์แบบท้าทายและวิวัฒนาการไปพร้อมกับความร้ายกาจของเอเลี่ยน พวกเขาทำตามโจทย์ที่ตั้งได้หมด แต่คำถามสำคัญก็อย่างที่ว่าล่ะครับ มันอยู่ที่ว่าคนเล่นจะซื้อแนวคิดแบบนี้รึเปล่า

เรื่องที่ยังไม่เจอเลยก็คือบั๊กอะไรที่สังเกตได้ชัด ถึงจะเล่นมามากแล้ว ก็พอจะพูดได้ว่าเก็บงานเนียนพอสมควร

ส่วนของการแปลภาษาไทย คุณภาพงานแปลอยู่ในเกณฑ์ดี หากคุณไม่ติดปัญหากับการแปลของ Far Cry 6 ก็ไม่น่าจะมีปัญหากับ Extraction ด้วย


สรุป

  • ถ้าคุณเป็นผู้เล่นเดี่ยว Extraction สามารถให้ความบันเทิงกับคุณได้แบบไม่ขี้เหร่ แต่ก็ยังไม่นับว่าคุณได้เล่นเกมนี้จริง ๆ
  • การเล่นมัลติเพลเยอร์ 3 คน อาศัยความอดทนในการเรียนรู้สูงมาก โดยเฉพาะถ้าหาห้องไปเจอคนต่างชาติต่างภาษา การเล่น Siege มาก่อนไม่ได้รับประกันว่าคุณจะเล่นเกมนี้ได้ดี แต่อาจจะเรียนรู้ไวกว่าใคร
  • ระบบ MIA และความก้าวหน้าออกแบบมาสะท้อนคอนเสป “เล่นและวิวัฒนาการ” ที่ทีมงานชูธงมาตลอดได้ดีมาก และให้ความรู้สึกว่าคุณกำลังเดิมพันทุกครั้งที่ลงสนาม
  • ภารกิจหลายรูปแบบ ไม่มีความซับซ้อน แต่ถ้าเปลี่ยนฉาก กลยุทธ์ที่ใช้ก็ต้องเปลี่ยนไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์