Games Reviews

Mario + Rabbids: Sparks of Hope – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Mario + Rabbids: Sparks of Hope – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณแผ่นเกมสำหรับรีวิวจาก Ubisoft Limited มา ณ โอกาสนี้ครับ

Mario + Rabbids: Sparks of Hope นี่ถือเป็นเกมที่ผมให้ความสนใจก่อนหน้านี้พอสมควรเลยครับ ด้วยความที่เป็นเกมที่ผสม IP อันมีเอกลักษณ์ทั้งสองอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนหน้านี้ตัวเกมเคยมีวางจำหน่ายในภาคแรกชื่อว่า Mario + Rabbids: Kingdom Battle ซึ่งผมเองก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเหมือนกัน ดังนั้นภาคนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่ได้เล่นแบบไม่มีประสบการณ์อะไรใด ๆ มาก่อนเลยนั่นล่ะครับ แต่เอาล่ะ จากนี้ไปคือสิ่งที่ผมรู้สึกหลังจากได้สัมผัสตัวเกมครับ


เนื้อเรื่อง

ตัวเกมเริ่มต้น ณ อาณาจักรเห็ด หรือ Mushroom Kingdom ที่หลายคนคุ้นเคยจากแฟรนไชส์มาริโอ้ (Mario) นั่นเอง ซึ่งในวันอันแสนสงบสุขที่ชาวอาณาจักรเห็ดกับเหล่ากระต่ายติงต๊องแรบบิดส์ ต่างใช้เวลากันอย่างสงบสุขและหรรษา พลันได้มีภัยคุกคามระดับคอสมิกที่ชื่อเคอร์ซาบุกมายังที่นี่ เป้าหมายของเคอร์ซาก็คือการดูดกลืนพลังงานและไล่ล่าสปาร์คส (Sparks) ซึ่งเป็นส่วนผสมผสานระหว่างลูมาและแรบบิดส์ (Luma และ Rabbids) เข้าไว้ด้วยกัน มาริโอ้และผองเพื่อนจึงต้องหลบหนีกันออกมาด้วยยานอวกาศภายใต้การเสนอแนะของบีป-โอ (Beep-O) และเอไอประจำยานอย่างจีนนี่ (Jeanie) และตระเวนไปยังดาวต่าง ๆ ในกาแล็กซีเพื่อตามหาสปาร์คสและต่อกรกับเคอร์ซานำความสงบสุขกลับมา

ในแง่ของเนื้อหานั้น ก็เล่าแบบค่อนข้างตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายไม่มีอะไรสลับซับซ้อนครับ เสน่ห์หลัก ๆ ของตัวเกมคือบรรดาตัวละครในปาร์ตี้ของเราที่แต่ละคนมีบุคลิกลักษณะชัดเจน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีบทพูดกันมากเท่าไรในแต่ละฉาก แต่ว่าทุกอย่างสื่อออกมาได้ชัดเจนจากท่าทางและพฤติกรรมของแต่ละคนนั่นเอง ในความคิดของผมนั้นตัวละครที่เป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องจริง ๆ เลยดูจะเป็นเจ้าบีป-โอกับจีนนี่นั่นล่ะครับ เพราะเป็นสองตัวละคร (?) ในเรื่องที่จะมีเสียงพากย์ตลอดทั้งเกมและคอยทำหน้าที่เล่าสถานการณ์บ่อย ๆ

ในขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ฝั่งเรามักจะมีเสียงพูดแค่สั้น ๆ ตอนเริ่มประโยค โดยเอกลักษณ์อย่างนึงที่ใกล้เคียงซีรีส์มาริโอ้ต้นฉบับก็คือแทบจะไม่ได้เห็นบทพูดของตัวละครจากซีรีส์มาริโอ้กันเลย (เพราะในเกมต้นฉบับก็ไม่ค่อยพูดกันอยู่แล้ว) บรรดาตัวละครที่จะพูดกันบ่อย ๆ มักเป็นตัวละครฝั่งแรบบิดส์เสียมากกว่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกตัวละครจะเป็นใบ้กันหมดนะครับ ทุกคนจะมีเสียงพากย์และเสียงพูดกันนิด ๆ หน่อย ๆ ในตอนสู้ ซึ่งก็เป็นอะไรที่หลายคนจะคุ้นเคยแน่นอน อย่างเช่นพอถึงตาเดินของมาริโอ้คุณก็จะได้ยินเสียง “เล็ท สะ โก!” หรือไม่ก็ “วู้ฮู!” ที่ผมเชื่อว่าถ้าคุณเป็นแฟนมาริโอ้นี่พอเห็นสิ่งที่ผมพิมพ์ไปนี่เสียงจะดังขึ้นในหัวคุณเลยแน่ ๆ ครับ

โดยรวมแล้วผมว่าเกมนำเสนอได้ในระดับที่ดีใช้ได้เลย ตัวละครรองหลายตัวในแต่ละดาวล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดเจนกันมาก แถมบทสนทนาก็ทำออกมาได้สนุกและขำขันอ่านแล้วเพลิน ๆ อาจไม่ถึงกับหัวร่องอหาย แต่มันก็ทำให้หึ ๆ และอมยิ้มได้ทั้งเกมแน่นอนครับ


เกมเพลย์

ในส่วนนี้สิ่งแรกที่จะบอกเลยก็คือ “สนุก!” ครับ แต่เอาล่ะ ผมต้องขอลงรายละเอียดหน่อย คือเกมนี้ผสมระหว่างแอ็กชันกับเกมวางแผนการรบเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าจะให้กล่าวก็คือพอถึงเทิร์นของฝั่งเรานี่ เราจะเลือกได้ว่าจะให้ตัวละครไหนวิ่งไปอยู่ตำแหน่งใด อาจจะเพื่อหามุมโจมตี หรือไม่ก็หลบการโจมตีของศัตรู ตัวละครของเราทุกตัวจะมีแต้มแอ็กชันอยู่ 2 แต้มด้วยกันในหนึ่งเทิร์น ซึ่งการทำอะไรต่าง ๆ ก็จะใช้แต้มนี่ไปหนึ่งแต้มเสมอครับ ไม่ว่าคุณจะเลือกโจมตี ใช้สกิลเฉพาะตัว ใช้ความสามารถของสปาร์คส หรือใช้ไอเท็ม ในขณะที่การแดชชนศัตรูหรือการเหยียบเพื่อนเพื่อกระโดดนั้นจะมีแต้มต่างหาก

เมื่อคุณใช้แต้มแอ็กชันทุกคนจนหมด หรือคุณกดเปลี่ยนเทิร์นเองก็จะเข้าสู่เทิร์นของศัตรูต่อไป ทั้งหมดทั้งมวลนี้อาจฟังดูเรียบง่ายและไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ แต่เอาเข้าจริงระบบเกมของเกมนี้ดีไซน์ออกมาในลักษณะของความ “น้อยแต่มาก” ครับ ผมคิดว่าเป็นหลักการคล้ายกับซีรีส์มาริโอ้ในแบบดั้งเดิมเลย ที่คุณรู้ตั้งแต่ฉากแรกว่าในเกมนี้คุณจะทำอะไรได้บ้าง แต่ว่าตัวเกมก็สามารถหาอะไรมาดึงดูดคุณได้ไปจนจบเกม และนั่นก็คือหลักการที่ Mario + Rabbids: Sparks of Hope นำมาใช้ครับ

นั่นเพราะเมื่อคุณเล่นไปแล้วได้ความสามารถของสปาร์คสมากขึ้น หรือได้ตัวละครมาร่วมปาร์ตี้เพิ่มเติมนั้น คุณจะรู้สึกได้เลยว่าสามารถจัดทีมแล้วผสมผสานความสามารถของแต่ละคนแล้วจัดแผนได้หลากหลายแบบมาก ๆ โดยที่ความสามารถเฉพาะหลัก ๆ ของแต่ละคนและบทบาทในการสู้ก็จะไม่ต่างจากเดิม

ยกตัวอย่างเช่นความสามารถ Hero Sight ของมาริโอ้นั้น จะยิงศัตรูที่เคลื่อนไหวเข้ามาในระยะโดยอัตโนมัติ ซึ่งความเข้าใจทั่วไปจะเหมือนเป็น passive ที่จะเห็นผลลัพธ์ในเทิร์นของศัตรู แต่เอาเข้าจริงเกมออกแบบระบบมาละเอียดกว่าที่คิดครับ เพราะแม้แต่ในเทิร์นของคุณเอง ถ้ามีใครใช้ความสามารถที่ทำให้ศัตรู “กระเด็นเคลื่อนที่” จากการยืนนิ่ง ๆ ได้แล้วไปเข้าระยะของมาริโอ้นั้น มาริโอ้ก็จะทำการยิงเสริมได้เลยเหมือนกัน ทุกอย่างมันเลยกระตุ้นไอเดียในการเล่นของผู้เล่นได้ดีจริง ๆ

เอาล่ะ อย่างที่ผมบอกไปว่าความสามารถหลัก ๆ ของแต่ละคนไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ด้วยความที่เกมมีองค์ประกอบของความเป็น RPG เข้ามา จึงมีระบบการเลเวลอัปและอัปสกิลของตัวละคร รวมถึงของสปาร์คสด้วยเช่นกันครับ สำหรับการเพิ่มเลเวลของสปาร์คสนั้นจะค่อนข้างเบสิกในแง่ที่ว่าพอเลเวลอัปก็จะทำให้สกิลดีขึ้น หรือแรงขึ้นอะไรแบบนั้น แต่ในแง่ของตัวละครแล้วการอัปสกิลจะเสริมจุดแข็งหรือไม่ก็เพิ่มความคล่องตัวให้กับตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม เช่น มาริโอ้อาจจะเหยียบหัวศัตรูทำแดเมจได้ หรือบาวเซอร์ (Bowser) ก็จะทำความเสียหายให้ศัตรูโดยรอบเมื่อลงพื้นหลังกระโดด เป็นต้น

สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในแง่ของตัวละครประจำปาร์ตี้ของเราก็คือ ไม่มีตัวละครไหนที่ไร้ประโยชน์ครับ บทบาทและความสามารถของแต่ละคนจะมีที่ทางของตัวเอง มีแนวทางการใช้สอยของตัวเอง ขอแค่คุณต้องรู้จุดแข็งและบทบาทของตัวละครนั้น ๆ ให้พบก็พอ

หากจะพูดถึงความยากของตัวเกมแล้วก็อยู่ในระดับที่ท้าทายใช้ได้เหมือนกันครับ ผมเล่นระดับความยากปกติก็จริง แต่ในบางฉากก็รู้สึกได้เลยว่าตึงมือถ้าคุณเข้าฉากสู้ไปแบบมั่ว ๆ และไม่ศึกษาฉากหรือศึกษาก่อนว่าในฉากนั้นมีศัตรูประเภทไหนหรือประจำตำแหน่งอะไรบ้าง ไม่เพียงเท่านั้นแต่เป้าหมายของฉากก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องคำนึงด้วยเหมือนกัน เพราะบางฉากอาจจะต้องการให้เรากำจัดศัตรูให้หมด บางฉากอาจจะให้เราเอาตัวรอดจนครบจำนวนเทิร์นที่กำหนด และบางฉากก็ให้เราไปถึงที่หมาย (พร้อมศัตรูที่จะเกิดใหม่เรื่อย ๆ) ดังนั้นการรู้จุดแข็งตัวละครของเราและคิดว่าจะเลือกใครมาลงฉากคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณผ่านไปได้

นอกจากการต่อสู้แล้ว การออกสำรวจแต่ละฉากแต่ละดาวนั้นก็ทำออกมาได้ใกล้เคียงกับเกมมาริโอ้ต้นฉบับมากครับ แต่ละมุมที่คุณสำรวจได้มักจะมีไอเท็มให้เก็บ มีเควสต์ให้เคลียร์ หรือไม่ก็มีสปาร์คสตัวใหม่ให้ค้นหา ทุกสิ่งที่คุณไปเล่นหรือเคลียร์ได้ก็จะมีรางวัลบางอย่างให้เสมอครับ ซึ่งตลอดทั้งเกมนั้นจะมีจุดที่คุณจะต้องแก้ปริศนาในลักษณะของ environmental puzzle ที่บางทีคุณอาจต้องผลักบล็อกนี้ไปตรงนั้น เปิดสวิทช์สะพานตรงนี้ ฯลฯ เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ซึ่งแต่ละจุดนี่ก็ไม่ค่อยจะง่ายนักและต้องอาศัยเวลาคิดเหมือนกัน

ในแง่การเดินทางในฉากนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ต่างจากมาริโอ้ต้นฉบับเลยก็คือตัวเกมนี้เราจะไม่สามารถกระโดดได้เหมือนอย่างเกมแอ็กชันทั่ว ๆ ไป ถ้าใครที่เคยชินกับเกมมาริโอ้ภาคก่อน ๆ มาอาจจะแอบขัดใจนิดหน่อยเวลาเจอพวกเนินที่ปกติมาริโอ้จะกระโดดถึง แต่ในเกมนี้จะต้องวิ่งวนหาทางขึ้นหรือไม่ก็หาบันไดปีนนั่นล่ะครับ แต่มันก็เป็นอะไรเล็กน้อยเมื่อมองในแง่ที่ว่าเกมนี้ออกแบบมาเน้นความเป็น RPG เป็นหลักน่ะนะ


กราฟิก

กราฟิกของเกมนี้ทำได้ดีและสมกับที่ผสมผสานความเป็นมาริโอ้และแรบบิดส์เข้าไว้ด้วยกันมากครับ คือตลอดทั้งเกมเราจะได้เห็นสภาพแวดล้อมในลักษณะที่จะคาดหวังได้จากเกมมาริโอ้ แต่สอดแทรกด้วยดีไซน์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นแรบบิดส์ทั้งเกม ซึ่งมันก็ออกมาดูดีครับ ทุกอย่างมันดูน่ารักปนขบขัน ที่สำคัญคือในแต่ละดาวจะมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันสองแบบให้ผู้เล่นได้พบเจอ นั่นคือสภาพแรกตอนที่เคอร์ซาเข้ามาคุกคามด้วยดาร์กเมส (Darkmess) และสภาพแวดล้อมของดาวในแบบที่เป็นจริง ๆ หลังขจัดภัยคุกคามจากดาร์กเมสไปแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหนมันก็สวยงามไปคนละแบบครับ

ถึงกระนั้นปัญหาทางเทคนิคในตอนสำรวจฉากก็มีอยู่บ้างนะ จังหวะเฟรมตกมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ด้วยความที่เกมไม่ต้องเน้นแอ็กชันเยอะ ไม่ต้องอาศัยความฉับไวในการตอบสนองทันควันมันเลยไม่เป็นปัญหามากครับ


เสียงและเพลงประกอบ

ในส่วนของเพลงประกอบนี่คุณจะได้ยินเสียงเอฟเฟคต์ที่คุ้นเคยบ่อย ๆ จากซีรีส์มาริโอเป็นระยะ ๆ อย่างพวกซาวด์ตอนเข้าท่อเอย ตอนเก็บเหรียญเอย แต่คุณภาพโดยรวมของเพลงประกอบนั้นอยู่ในขั้นดีเลยครับ เพลงจะเน้นความสนุกสนานในแบบของมาริโอ้แต่พอฉากสู้บอสหรือฉากสู้สำคัญก็ทำเพลงออกมาได้ตื่นเต้นระทึกใจดีไม่เบาเหมือนกัน

ส่วนในแง่ของเสียงพากย์นั้น ผมให้น้ำหนักแก่บีป-โอและจีนนี่เป็นพิเศษครับ เพราะไม่ว่าจะใครก็ต่างก็มีเสน่ห์กันไปคนละแบบ ผมชอบน้ำเสียงของทั้งสองเวลาพูดคุยกันและแอบจิกกัดกันเบา ๆ มากในเกมนี้ครับ ทั้งสองตัวละครนี้ใช้เสียงสไตล์หุ่นยนต์เวลาพูดคุยก็จริง แต่ตัวบทสนทนามันเต็มไปด้วยบุคลิกลักษณะนิสัยที่ยียวนกันแบบนิ่ง ๆ ใช้ได้เลยทีเดียว


สรุป

Mario + Rabbids: Sparks of Hope เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมในแง่ของเกมเพลย์และการออกแบบฉากต่าง ๆ อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการสำรวจฉากอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วนี่เป็นเกมที่มีระบบการเล่นที่แปลกใหม่ สนุก และถ้าคุณเป็นแฟนของแฟรนไชส์มาริโอ้ล่ะก็เกมนี้มีความเป็นมาริโอ้ให้คุณเต็มที่แน่นอน แล้วยิ่งถ้าคุณชอบเกมแนววางแผนกลยุทธ์อีกด้วยนี่ก็เป็นเกมที่คุณควรเล่นครับ

The Review

90% ผลงานชั้นยอด สมชื่อมาริโอ้

นี่คือผลงานที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ของทั้งสอง IP อย่าง Mario และ Rabbids และยังออกแบบระบบการเล่นมาได้เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง หากคุณชอบมาริโอ้ก็ไม่ควรพลาดและถ้ายิ่งชอบเกมกลยุทธ์ด้วย นี่จะเป็นเกมที่คุณสนุกไปตั้งแต่ต้นจนจบ

50%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์