News Previews

พรีวิว [PREVIEW] – Assassin’s Creed Mirage

by Reviewer Ocelot

พรีวิว [PREVIEW] – Assassin’s Creed Mirage

พรีวิว [PREVIEW] – Assassin’s Creed Mirage

Assassin’s Creed Mirage น่าจะเป็นเกมที่ออกมาให้สาวกมือสังหารหายคิดถึงกันในปีนี้ ก่อนที่จะได้ไปสวมบทเป็นมือสังหารแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็นบาซิม ซึ่งเป็นตัวละครที่เคยปรากฏตัวมาแล้วในภาค Valhalla แล้วในเกมภาคนี้จะเป็นการย้อนกลับไปสำรวจที่มาที่ไปของเขาก่อนจะเป็นปรมาจารย์มือสังหาร และมีฉากหลังเป็นแบกแดดศตวรรษที่ 9

เมื่อไม่นานนี้ ทาง Ubisoft ก็เปิดโอกาสให้สื่อได้ลองเล่นเดโมส่วนหนึ่ง เพื่อให้เห็นแนวทางของเกมแบบคร่าว ๆ นะครับ เอาล่ะ ผมว่าเข้าเรื่องเลยดีกว่าว่าความรู้สึกแรกของผมที่ได้ลอง Mirage มาแล้วเป็นยังไง

ความยากของเกม

ความรู้สึกแรกที่โผล่ขึ้นมาหลังจบเซสชันของเดโมเลยคือ ยาก นี่เป็นเกม Assassin’s Creed ภาคที่ผมรู้สึกว่าต่อให้คุณจะผ่านเกมซีรีส์นี้ภาคก่อนยุค RPG หรือจะเล่นทั้ง 2 ยุค มันก็ยากอยู่ดี แต่มันเป็นความยากที่ผมเข้าใจว่าทีมงานเขาตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้แหละ คือการกลับไปสู่วิถีของมือสังหารจริง ๆ การลอบเร้นเข้มข้น สเตลท์แตกทีคือป่าราบ

แม้แต่เอาไปเทียบกับภาคก่อนยุค RPG อย่าง Syndicate ถึงเสตลท์แตกเรายังพอต่อสู้แบบซึ่ง ๆ หน้าได้ แต่ตัวของบาซิมใน Mirage ระบบคอมแบตจะไม่เอื้อให้ทำอะไรแบบนั้นได้เท่าไร คุณจะมีค่าสตามินาคอยกำกับ ศัตรูธรรมดาโจมตีก็ค่อนข้างแรง และถึงคุณจะสามารถแพรี หรือ กดหลบได้ แต่สัญญาณเตือนก่อนศัตรูจะออกท่าทั้งโจมตีเบา หรือ โจมตีหนักมันค่อนข้างเร็วกว่าภาคที่ผ่านมาพอสมควรเลย

แล้วระบบหมายหัวภาคนี้พูดเลยว่าโหดมาก ถ้าคุณโดนจับได้สิ่งที่คุณเจอมันจะมี 3 ระดับ เอาแค่ระดับแรกคือพวกชาวบ้านมันจะจำหน้าคุณได้แล้วมันจะชี้เป้าเราให้พวกทหาร แค่ระดับแรกคุณก็เดินในเมืองยากแล้ว ระดับสองคราวนี้จะเป็นพลธนูมาคอยส่องหาเรา และถ้าคุณก่ออาชญากรรมเข้าตามาก ๆ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะออกล่าคุณ ถามว่าโหดแค่ไหนก็ 2 ที ลงไปนอนอ่ะครับ

แต่โดยส่วนตัวผมชอบอารมณ์สเตลท์แตกภาคนี้นะ มันให้อารมณ์ป่าช้าแตกดี และถ้าคุณจะลดไอ้เกจหมายหัวนี้คุณก็ต้องไปดึงใบประกาศจับของเราตามเมืองออกมันถึงจะลดลง การไปก่อเรื่องในเมืองเลยเป็นอะไรที่ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า ถ้าอยากดึงความสนใจเขาจะมีกลุ่มนักเลงในเมืองให้เราจ้างไปก่อเรื่องแทนเราได้

ส่วนที่ประทับใจ

เกมเพลย์ภาคนี้มีความกระชับขึ้น หมายความว่าระบบต่าง ๆ ที่ใส่มามันไม่ได้รู้สึกว่าฟุ่มเฟือย อย่างในภาค Odyssey ถ้าตัวละครคุณเทพมาก ๆ คุณถือหอกเลโอไนดัสวิ่งตรง ๆ เข้าไปบึ้มฐานศัตรูเลยก็ได้ Valhalla ก็เหมือนกัน มันทำให้ผู้เล่นไม่ค่อยได้ใช้ศักยภาพของระบบอย่างการเรียกนกมาส่อง หรือ Odin’s Sight สแกนศัตรูอย่างเต็มที่

แต่ใน Mirage เหมือนเขาเอากลไกเกมเพลย์แบบเดิมไปรีดไขมัน เอาแต่ของที่มันจำเป็นจริง ๆ ใส่มือบาซิม แล้วเขาก็สร้างสภาพแวดล้อมการเล่นที่มันค่อนข้างบังคับให้คนเล่นต้องใช้ของที่มีทั้งหมด จะพึ่งอะไรอย่างเดียวมันอยู่ยาก ที่ชัดเจนเลยก็คือการเรียกนกมาใช้ส่องเป้าหมาย ในภาคนี้จู่ ๆ เราจะเรียกเลยมันทำไม่ได้ เราต้องกำจัดพวกพลซุ่มยิงให้หมดก่อน เพื่อเปิดทางให้นกของเรา ทำให้การที่เราจะลอบเร้นเข้าไปในสถานที่ที่มันมีการรักษาความปลอดภัยมันต้องอาศัยการวางแผน และการจัดการทรัพยากรที่มีให้จำกัด ทั้งระเบิดควัน มีดปา ของพวกนี้ใน Mirage มีความสำคัญในการเล่นทั้งหมด

พูดอีกอย่างก็คือเกมเพลย์ในภาคนี้มีความลีนมากขึ้น อาจจะเพราะเขาต้องการให้มันดูเป็นปฏิบัติการมือสังหารจริง ๆ

นอกจากส่วนของเกมเพลย์ พวกปริศนาที่เราต้องแก้เพื่อเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ก็ทำออกมาพอใช้ได้ ส่วนนึงผมคิดว่าเมื่อสเกลของเกมมันไม่ได้เป็นโอเพนเวิลด์ใหญ่ยักษ์ขนาด Valhalla ทำให้ทีมงานเขามีเวลามาโฟกัสการออกแบบในแต่ละจุดได้ลึกขึ้น เพราะอย่าง Valhalla แผนที่มันใหญ่ แต่มันดูน่าเบื่อเพราะว่ามันไม่เน้นความลึก มันเน้นปริมาณ ตัวอย่างชัด ๆ เลยเวลาเราจะเข้าไปในพื้นที่ที่มันปิดล็อกเนี่ย Valhalla จะใช้มุกประเภทหามุมช่องโหว่แล้วยิงให้กลอนประตูมันเปิด แล้วก็ใช้มุกนี้ซ้ำไปซ้ำมา

แต่ใน Mirage เท่าที่ได้ลองมานะครับ เขาไม่ได้ใช้ Asset ใหม่อะไรเลยนะ มันคือของเดิมทั้งนั้นเลย แค่เขาเอามาจัดเรียงใหม่ให้ปริศนามันดูท้าทายขึ้นมาหน่อย

อีกเรื่องนึงที่ตอนแรกผมไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมาก แต่พอได้มาเจอของจริงแล้วแอบว้าวอยู่เหมือนกันคือ แผนที่ปราสาทอลามุต ที่เป็นเหมือนฐานบัญชาการของมือสังหาร ผมนึกว่ามันจะมีแค่ตัวปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่พอเล่นจริงพวกอาณาบริเวณโดยรอบเขาทำออกมาเหมือนเป็นชุมชนมือสังหารเลย มีลานฝึกซ้อม มีถ้ำพิธีกรรม มีแผนกอาวุธ ทำให้พื้นที่ส่วนนี้มันใหญ่แล้วมีอะไรให้สำรวจมากกว่าที่คิด ผมเชื่อว่าแฟนซีรีส์นี้ที่ชอบเสพลอร์น่าจะชอบแผนที่นี้ เพราะต้องบอกว่าอลามุตเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญมากในประวัติศาสตร์มือสังหารก่อนที่มันจะถูกมองโกลทำลายไป

แล้วในเดโมนี้เขาก็เปิดให้ผมเล่นไปจนถึงฉากเจอบอสหลักของเรื่องคนนึงด้วย ซึ่งจะไม่ขอสปอยล์อะไรในตอนนี้นะครับ เพราะผมแค่อยากจะบอกว่าผมค่อนข้างชอบวิธีที่เขาออกแบบมาให้เราสามารถเข้าถึงตัวบอสได้หลากหลายวิธี ถ้าใครที่เล่น Assassin’s Creed มาก่อนให้นึกถึงภาค Syndicate ที่เกมเขาจะให้เราสามารถเข้าถึงเป้าหมายที่เป็นบอสได้หลายช่องทาง ใน Mirage ก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน แต่มันจะมีขั้นมีตอนมากกว่า

อย่างเริ่มแรกเลยเราไม่รู้ว่าบอสเป็นใคร เราก็ต้องหาเบาะแส ซึ่งเราอาจจะต้องไปแอบฟังคนคุยกัน หรือ ไปทำภารกิจบางอย่างก่อน เราถึงจะระบุตัวบอสได้ ส่วนการเข้าถึงบอสมันก็จะมีหลายวิธี ตัวอย่างที่เล่นมาก็คือวิธีติดสินบนให้คนบอกข้อมูล พอมีเงินเราก็เหนื่อยน้อยหน่อย แต่ถ้าไม่มีเงินเราก็สามารถเปิด Eagle’s Vision เดินสำรวจไปรอบ ๆ มันจะมีการบอกใบ้ว่าเราจะหาคีย์ไอเทมเพื่อเข้าหาบอสได้ยังไง วิธีนี้ก็จะเสียเวลาแต่ไม่เสียเงิน

น่าเสียดายตอนที่ผมเล่นผมเล่นไม่ถูกสคริปต์ของเกม ทำให้ไม่เห็นฉากคัตซีนลอบสังหารเจ๋ง ๆ แต่เอาเป็นว่าอารมณ์เจอบอสมันจะประมาณนี้

แล้วมันก็จะมีวิธีการเล่าเรื่องและการนำเสนอที่ผมรู้สึกว่าเขาทำออกมาดูแล้วน่าสนใจ ไปจนถึงเรื่องเล็กน้อยอย่างโมเมนตัม การเหวี่ยงของอาวุธและเสียงกระทบในภาคนี้มันดูหนักแน่นดี

ส่วนการปาร์กัวร์ หรือ การวิ่งปีนป่ายไปในเมืองก็ทำทางเชื่อมมาได้สมกับมาตรฐานเกมซีรีส์นี้ แต่ไม่ได้โดดเด่นอะไร มันไม่ได้ไร้รอยต่อขนาดนั้น คือตอนวิ่งยังไงมันก็ต้องให้เรามองซ้ายมองขวา ถ้าองศาพลาดเราก็ร่วงกำแพง ร่วงหน้าผา เป็นเรื่องปกติ

ผมมีเรื่องกังวลเกี่ยวกับภาคนี้ 2 เรื่องหลัก ๆ

อย่างแรก ถ้ามองจากตัวอย่าง หรือ เกมเพลย์ทางการที่ปล่อยมา หลายคนเลยจะบอกว่าเกมมันดูแห้ง แห้งนี่ไม่ได้หมายถึงว่าภาคนี้มันมีเซตติ้งในทะเลทรายนะครับ แต่แห้งในที่นี้คือบาซิมในแง่เกมเพลย์มันมีอะไรให้เล่นได้น้อย เอาชัด ๆ เลย คือหน้าอัปสกิลทั้ง 3 สาย ที่ผมส่อง ๆ มา พูดตามตรงคือธรรมดามาก

พอตัวละครของเรามันไม่สามารถทำอะไรได้เยอะเหมือนภาคก่อน ๆ งานหนักมันจะไปอยู่ที่การออกแบบฉาก การเล่าเรื่อง การทำปริศนา และการออกแบบศัตรูให้คนเล่นแล้วมันอยากจะเล่นต่อถึงแม้สกิลมันจะดูธรรมดามาก ๆ ก็ต้องรอดูครับว่าเขาจะทำออกมาได้รึเปล่า

อย่างที่สองก็คือเรื่องของปริมาณคอนเทนต์ อย่างที่หลายคนน่าจะรู้แล้วว่าแต่เดิมเนี่ย เกมภาคนี้เขาแค่ตั้งใจจะให้เป็นแค่ส่วนเสริมของภาค Valhalla เฉย ๆ นะครับ ก่อนที่จะเอามาปั้นให้เป็นเกมแบบขายแยก มันไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะออกมาเป็นภาคแยกไปเลยตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ Mirage อาจจะต้องพิสูจน์เยอะเลยก็คือความคุ้มค่าของคอนเทนต์ถ้าเทียบกับราคาประมาณ 1500 บาท (อ้างอิงจาก Ubisoft Store) ซึ่งถ้าคุณภาพเกมตัวเต็มมันมีคุณภาพเหมือนในเดโมตั้งแต่ต้นจนจบ และมีชั่วโมงการเล่นรอบแรกสัก 9-10 ชั่วโมง ขึ้นไป ผมยังพอรับได้

เอาล่ะ ถึงจุดนี้ หลายคนคงอยากถามแล้วล่ะว่า มีแวว Day 1 มั้ย ผมบอกตามตรงว่า Assassin’s Creed Mirage มีแวว Day 1 ได้ครับ แต่มันต้องหมายเหตุกันหน่อย อย่างแรกเราต้องตัดคนที่เป็นแฟนตัวยงออกเพราะกลุ่มนี้ยังไงเขาก็ซื้ออยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่อินกับซีรีส์นี้ตั้งแต่ต้นยังไงผมว่าภาคนี้ก็ไม่ซื้ออีกเหมือนกันครับ

แต่ถ้าใครยังสองจิตสองใจประมาณว่าภาคนี้โม้เรื่องจะกลับสู่รากเหง้าจริงรึเปล่า จะสลัดความเป็น Warrior Creed ได้จริงรึเปล่า พูดให้สบายใจเลยว่าไม่ต้องห่วง ใครอยากได้ลอบเร้น Mirage เติมมาให้คุณ 10 กว่าช็อต กลับสู่รากเหง้ายันรากมะม่วงเลยครับ

ถ้าคุณเป็นแฟนซีรีส์นี้แล้วชอบการลอบเร้น เน้นอะไรท้าทายฝีมือหน่อย ผมว่าไม่ควรพลาด เพราะผมรู้สึกว่า Mirage เขาทำมาเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปี ของแฟรนไชส์นี้ด้วยการคารวะต่อภาคแรกจริง ๆ แล้วผมคิดว่าหลังจากเกมภาคนี้แล้ว เราจะได้เล่น Assassin’s Creed ที่ให้ฟีลแบบลอบเร้นเข้มข้นแบบนี้อีกเมื่อไรก็ไม่รู้

เพราะภาค Jade ที่ลงมือถือแล้วมีฉากเป็นจีนโบราณ ภาคนั้นผมลองแล้วก็บอกได้เลยว่ามันคือภาค Odyssey แบบอยู่ที่จีน มีตัวละครเป็นจอมยุทธ์ มีกาชาให้เปิด ซึ่งไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องไม่ดีนะ มันก็มีความสนุกของมัน ผมได้ทำพรีวิวภาค Jade ไปแล้ว อ่านได้ที่นี่

แต่ถ้าคุณเป็นแฟน ๆ ที่ชอบรสชาติแบบช่วงยุค RPG ผมก็ต้องบอกว่าถ้าจะเล่น Mirage ต้องปรับสไตล์การเล่นมากหน่อยนะครับ แล้วไม่กล้ายืนยันนะครับว่ามันจะถูกจริตคุณรึเปล่า เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องเข้าใจได้สำหรับแฟนกลุ่มนี้ที่อยากจะรอรีวิวก่อนเกมวางขาย

ก่อนจบ ในมุมมองของผม ซึ่งไม่บังอาจสถาปนาตัวเองเป็นสาวกเกมนี้ แต่ก็เล่นจบมาหลายภาคทั้งยุคแรกแล้วก็ยุค RPG ผมรู้สึกว่าเล่นเดโมจบแล้วมันยังให้ความรู้สึกอยากเล่นต่อ อยากรู้เรื่องราวต่อไปว่ามันจะคลี่คลายยังไง แล้วมันจะไปเชื่อมโยงกับภาค Valhalla ยังไง ประมาณนี้ครับสำหรับพรีวิวความรู้สึกเบื้องต้นกับ Assassin’s Creed Mirage เกมจะวางจำหน่ายวันที่ 5 ตุลาคม ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม

แล้วก็ต้องออกตัวอีกครั้งนะครับว่านี่เป็นความคิดเห็นจากการได้เล่นเกมบางส่วน แต่เดี๋ยวเราจะมีรีวิวแบบจัดเต็มเกี่ยวกับเกมนี้แน่นอน ใครสนใจก็สามารถรอติดตามได้ทั้งแชนเนล YouTube และเว็บไซต์ Thaigamewiki ครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์