Unicorn Overlord – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณ SEGA Corporation สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5

Unicorn Overlord นี้เป็นผลงานเกมอาร์พีจีวางแผนการรบชิ้นล่าสุดจากทีมงาน Vanillaware ที่หลายคนชื่นชอบจากเกมต่าง ๆ มากมายอย่าง Odin Sphere, Dragon’s Crown, Muramasa: The Demon Blade และ 13 Sentinels: Aegis Rim เป็นต้นครับ ผลงานเกมที่พวกเขาทำนั้นก็มีหลากหลายแนวที่แตกต่างกัน และสำหรับในคราวนี้ หลังจากที่เล่นจนได้ถ้วยแพลตินัมไปด้วยเวลาราว 63 ชั่วโมง เราจึงอยากมาบอกเล่าความรู้สึกให้ทุกท่านได้อ่านครับ

---

เนื้อเรื่อง

Unicorn Overlord จะบอกเล่าเรื่องราวของดินแดนเฟวริธ (Fevrith) ที่ประกอบไปด้วย 5 อาณาจักรด้วยกัน ซึ่งแต่ละอาณาจักรนั้นบ้างก็มีข้อขัดแย้ง บ้างก็เป็นมิตรกัน แต่ว่าวันหนึ่งแม่ทัพวัลมอร์ (Valmore) ของอาณาจักรคอร์เนีย (Cornia) ได้ลุกขึ้นมาก่อกบฏ เถลิงตนเป็นราชากาเลเรียส (Galerius) แล้วยกทัพมาไล่ล่าเชื้อพระวงศ์แห่งคอร์เนีย ราชินีแห่งอาณาจักรจึงได้ฝากฝังให้อัศวินผู้ภักดีพาเจ้าชายอเลน (Alain) หลบหนีลี้ภัยไปยังดินแดนอื่น และเมื่อกาลเวลาผ่านไปสิบปี ที่ทุกอาณาจักรทั่วเฟวริธต้องยอมสยบให้กับกาเลเรียสจนหมดสิ้น อเลนที่เติบใหญ่ก็พร้อมแล้วที่จะทวงทุกสิ่งของตนคืนมาและคืนเสรีภาพให้กับทุกอาณาจักรอีกครั้ง

ถ้าจะพูดกันในแง่ของเนื้อหาแล้ว ตัวเกมค่อนข้างเดินเรื่องสไตล์นิทานโบราณครับ ประมาณว่าการเดินทางของวีรบุรุษผู้ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ฝึกฝนฝีมือ รวบรวมสมัครพรรคพวก เอาชนะใจประชาชนเพื่อไปเปิดศึกตัดสินกับศัตรูฟ้ากำหนดราว ๆ นั้น แก่นเรื่องคือ Good vs Evil แบบตรงไปตรงมา (และมีจุดหักมุมเล็ก ๆ แต่ไม่เกินคาดอะไร) อเลนนี่คือผู้ที่ชะตาฟ้า (และเทวา) กำหนดให้ต้องมาปราบยุคเข็ญที่นำโดยกาเลเรียสผู้ที่ราวกับนรกส่งมาเกิดอะไรทำนองนั้นเลย

อย่างไรก็ดี แก่นเรื่องแบบนี้อาจจะฟังดูเชย แต่เท่าที่เล่นมาผมคิดว่าความสัมพันธ์แต่ละตัวละครโดยเฉพาะพวกตัวหลัก ๆ นี่ก็น่าสนใจและดูมีปฏิสัมพันธ์ที่น่าสนใจกันอยู่ ถ้าใครที่ชอบเรื่องราวระหว่างตัวละครนี่เกมนี้มีให้เยอะครับ เพราะแบ่งค่าความสัมพันธ์แต่ละคนเอาไว้ละเอียดใช้ได้ ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างอเลนที่เป็นตัวเอกกับคนอื่น ๆ เท่านั้น แต่ตัวละครในกองทัพเราเองก็มีบทสนทนาเฉพาะระหว่างกันด้วย หากว่าค่าความสัมพันธ์เพิ่มถึงจุดที่กำหนด

---

เกมเพลย์

สำหรับแก่นเกมเพลย์หลักของ Unicorn Overlord นี้จะเป็นเกมวางแผนการรบที่ผสมวิธีการเลือกยูนิตแบบเรียลไทม์สไตล์ RTS และการสู้แบบเกม Tactical RPG ที่หลายคนคุ้นเคยไว้ด้วยกันครับ ตอนคุณเลือกยูนิตให้เดินไปจุดไหน หรือมุ่งไปตีใครทุกอย่างจะเป็นแบบเรียลไทม์ แต่เราสามารถกดหยุดเพื่อนั่งคิดได้ว่าจะทำอะไรต่อไป มันเลยทำให้เกมไม่ตึงเครียดจนเกินไป แต่ว่าพอยูนิตเข้ามาชนกันปั๊บ เกมก็จะตัดเข้าฉากสู้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเกมก็ออกแบบมาให้เกมสมดุลในแง่ที่ว่าคุณจะเรียกยูนิตมาลงฉากได้ก็โดยใช้แต้ม Valor ที่เกมจะให้มาเล็กน้อยในตอนต้นฉากแต่ละฉาก และจะเพิ่มได้ก็เมื่อกำจัดยูนิตศัตรูลงได้ในแต่ละครั้ง

ซึ่งความแปลกของเกมนี้ก็คือ ฉากสู้นี่เราบังคับอะไรแต่ละตัวละครไม่ได้เลยครับ เพราะทุกสิ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขการตั้งค่าสกิลที่เราเซ็ตเอาไว้ล่วงหน้าเท่านั้น อธิบายง่าย ๆ คือมันคล้ายระบบแกมบิตของ Final Fantasy XII ครับที่คุณจะเลือกเซ็ตเงื่อนไขว่าท่านี้เวทนี้จะให้ตัวละครใช้งานเมื่อตรงกับเงื่อนไขอะไร เกมนี้ก็เป็นแบบนั้น โดยตัวเลือกการเซ็ตนี่ก็เยอะมหาศาลใช้ได้ เปิดโอกาสให้คุณได้ลองหาการจัดทีม การกำหนดเงื่อนไขท่า และอะไร ๆ ได้เองเยอะมากอยู่

ในการต่อสู้ต่อรอบนั้น ตัวละครจะออกท่าออกเวทกันโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่คุณเซ็ตไว้อย่างที่กล่าวไปข้างต้น และจะจบตาเมื่อตัวละครทุกคนใช้ค่าแอ็กชันพอยต์ (AP) จนหมด ซึ่งท่า AP นี่ส่วนมากก็จะเป็นพวกท่าโจมตี แต่ตัวละครสายซัพพอร์ตก็อาจเป็นการใช้เวทฮีล บ้างก็ร่ายคำสาปเพื่อดีบัฟ และทุกคนก็จะมีค่าแพสซีฟพอยต์ (PP) เป็นของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งนี่จะเป็นค่าที่กำหนดแอ็กชันสนับสนุน เช่นตัวที่มีโล่ก็อาจจะโดดไปรับการโจมตีแทนเพื่อน อะไรพวกนั้น แต่ไม่ว่าจะมีเหตุตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ พอ AP ของทุกฝ่ายหมด (หรือมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายเรียบ) ก็จะจบการต่อสู้รอบนั้นไป

ความสนุกของเกมเลยอยู่ที่การจัดยูนิตของคุณให้มีการผสมผสานที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์นี่ล่ะครับ (หรือจะจัดยูนิตเน้นประโยชน์ด้านไหนเฉพาะก็แล้วแต่คุณ) ด้วยความที่คลาสของตัวละครในเกมนี้เยอะมาก แถมแต่ละคลาสก็มักจะมีคลาสที่ชนะทางหรือแพ้ทางต่างกัน มันก็เลยค่อนข้างทำให้คนเล่นต้องมานั่งเลือกนั่งดูระดับหนึ่งว่าคลาสไหนควรไปอยู่กับคลาสไหนเพื่อประโยชน์สูงสุด (ซึ่งเกมก็จะมีแนะนำบ้างในช่วงต้น) เช่น ไวกิ้งนั้นมีสกิลตีศัตรูที่โดนดีบัฟแรงขึ้น คุณจับไปอยู่ยูนิตเดียวกับชาแมนที่ดีบัฟศัตรู ก็จะทำให้ไวกิ้งตีแรงโดยไม่ต้องพยายาม อะไรทำนองนั้น

แต่นอกเหนือจากการต่อสู้อย่างที่บอกไปแล้ว ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายศัตรูสามารถใช้ความสามารถพิเศษบนฉากแผนที่ได้ครับ (ซึ่งสำหรับผู้เล่นจะต้องใช้ค่า Valor) ความสามารถพวกนี้ถ้าเอาเข้าใจง่ายล่ะก็มันจะคล้ายเวลาคุณใช้ค่าพลังจิตจาก Super Robot Wars นั่นล่ะครับ คุณจะสามารถบัฟยูนิตของคุณ ฮีลยูนิตของคุณ หรือใช้ท่าพิเศษเพื่อโจมตียูนิตศัตรูจากในฉากเลยก็ได้ มันก็เลยเป็นองค์ประกอบที่คนเล่นต้องบริหารอยู่ระดับหนึ่งเหมือนกันว่าจะใช้เพื่อเลือกยูนิตใหม่ลงสนาม หรือเก็บไว้ใช้ความสามารถพิเศษ

การเลือกตัวละครเป็นผู้นำยูนิตก็ส่งผลต่อการเล่นเหมือนกัน เพราะว่าประโยชน์ของแต่ละคลาสก็จะต่างกัน เช่นถ้าคุณเลือกคลาสนักธนูหรือนักเวทเป็นผู้นำ ยูนิตเหล่านั้นจะช่วยโจมตีสนับสนุนได้เมื่อยูนิตอื่นเข้าฉากสู้กับศัตรู (หากอยู่ในระยะ) หรือถ้าคุณเลือกยูนิตบินได้เป็นผู้นำ ก็จะสามารถเคลื่อนที่ในฉากได้เลยโดยไม่ต้องสนภูมิประเทศใด ๆ เป็นต้น ที่สำคัญคือหลายคลาสในเกมจะสามารถโปรโมตเพื่อยกระดับเป็นคลาสชั้นสูง และเพิ่มความสามารถโดยรวมได้อีกด้วย

ในแง่ของระบบสู้นั้น ผมคิดว่ามันมีความลึกซึ้งมากระดับหนึ่งเลยครับ มีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาในการเล่นหลายอย่างในแบบที่กำลังดี ไม่ง่ายชนิดที่ว่าหย่อนยูนิตอะไรลงไปก็ชนะ แต่ก็ไม่ยากขนาดที่ว่าต้องมานั่งคำนวณค่าแดเมจกันเหมือนนั่งเรียนคณิตศาสตร์ เรียกได้ว่าสนุกกำลังดี

---

ฉากโอเวอร์เวิลด์

อีกองค์ประกอบหนึ่งของเกมนี้นอกเหนือจากการสู้กับศัตรูก็คือการฟื้นฟูดินแดนเฟวริธที่โดนกดขี่ครับ เมื่อคุณเดินทางไปยังแต่ละพื้นที่นั้น คุณอาจได้เจอไซด์เควสต์ หรือไม่ก็เควสต์ปลดแอกพื้นที่ และเมื่อคุณเคลียร์เควสต์พวกนี้แล้ว บรรดาเมืองต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็จะเปิดให้คุณไปซื้อของได้ รวมถึงสามารถสำรวจฉากได้โดยไม่มีศัตรูมากวนใจ

แต่สิ่งสำคัญที่เกมต้องการให้คุณทำก็คือการฟื้นฟูเมืองแต่ละเมืองที่เสื่อมโทรมนั่นเอง ซึ่งแต่ละเมืองนั้นวิธีการฟื้นฟูก็จะไม่ต่างกันนั่นคือเราต้องหาไอเท็มที่เมืองนั้น ๆ ต้องการมาให้ครบ โดยอรรถประโยชน์ที่คุณได้ก็คือการเลือกคนของคุณมาคุ้มกันเมืองที่จะทำให้คุณได้ไอเท็มเพิ่มหลังสู้ศึกจบในแต่ละตาครับ ซึ่งไอเท็มที่ได้มาคุณก็เอาไปฟื้นฟูเมืองอื่น ๆ ต่อไปได้อีก และหากเป็นเมืองใหญ่ก็จะมี tavern ให้คุณเลือกสมาชิกมานั่งกินอาหารด้วยกันเพื่อเพิ่มค่าความสัมพันธ์ได้แบบรวดเร็ว ถ้าจะมีอะไรที่ผมชอบคือเกมวาดอาหารออกมาได้น่ากินมากเลยนี่ล่ะ

ผมคิดว่ารูปแบบของเควสต์โดยรวมในเกมนี้จะมีไม่กี่รูปแบบ นั่นคือหากไม่เป็นการสู้กับศัตรูให้ชนะ ก็จะเป็นการเก็บไอเท็มมาให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด หลายคนอาจรู้สึกว่ามันเรียบง่ายไป แต่ส่วนตัวผมคิดว่าการได้ช่วยแต่ละเมืองให้กลับคืนสู่สภาพรุ่งเรืองอีกครั้งนั้นมันก็สนุกไม่เบาและเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความก้าวหน้าของเกมได้ดีมากวิธีหนึ่งเลยครับ

จุดที่ต้องพูดถึงอย่างหนึ่งก็คือแผนที่โอเวอร์เวิลด์ของเกมนี้ใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน บางจุดเผลอวิ่งผ่านไปเพราะไม่คิดว่าจะเข้าไปได้ก็มีไม่น้อย ใครเป็นเกมเมอร์ประเภทวิ่งสำรวจทุกซอกทุกมุมน่าจะถูกใจในแง่นี้ครับ

---

กราฟิก

เกมนี้ยังคงเลือกใช้วิธีการนำเสนอด้วยกราฟิกสไตล์ 2D ในแบบที่ทีมงาน Vanillaware ถนัดและทำได้ดีมาโดยตลอด และรอบนี้พวกเขาก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนครับ รูปร่างหน้าตาของตัวละครนั้นยังคงออกแบบโดยคุณโนมิ ทาคาฟูมะเจ้าประจำที่หลายคนคงจำลายเส้นกันได้ ส่วนภาพประกอบฉากนั้นก็วาดออกมาสวยงาม แต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองชัดเจน ถึงอย่างนั้นจุดที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นการเคลื่อนไหวของตัวละครไม่ว่าฉากคัตซีนหรือฉากสู้ครับ แม้จะเป็น 2D แต่ว่าตัวละครก็มีมูฟเมนต์ที่ค่อนข้างต่อเนื่องและรวดเร็วดุดันเอาเรื่องเลย

---

เพลงประกอบ

ถ้าจะให้ผมพูดในฐานะคนที่ปกติวิจารณ์เพลงไม่เป็นนะครับ ผมคิดว่าเพลงประกอบเกมนี้ทำออกมาได้โดดเด่นน่าจดจำ โดยเฉพาะเพลงฉากสู้นี่มันชวนฮึกเหิมกระตุ้นให้อยากเคลื่อนพลไปถล่มทัพของเซนอยราเพื่อกอบกู้แผ่นดินมาก ๆ โดยรวมแล้วเพลงประกอบของเกมนี้คือบทเพลงสไตล์อีปิกแฟนตาซีที่อีปิกสมชื่อครับ ทุกอย่างมันฟังดูยิ่งใหญ่อลังการ ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงเรื่องราวอันเป็นมหากาพย์ที่คุณจะได้รับรู้ต่อไป

---

สรุป

Unicorn Overlord คืออีกหนึ่งผลงานคุณภาพจาก Vanillaware ครับ ตัวเกมต้องทำความเข้าใจระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ยากเกินไป แม้ว่าคุณจะไม่ถนัดแนว RTS หรือเกม Tactical RPG เลยก็สามารถเล่นได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าคนที่ชอบคอนเทนต์หลากหลายอาจจะผิดหวังเล็กน้อยเพราะตัวเกมเน้นการต่อสู้เป็นหลักครับ