*ขอขอบคุณ SEGA Corporation สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
KAGE Shadow of the Ninja เกมนี้ ถือเป็นผลงานฉบับรีเมกจากเดิมที่เกมต้นฉบับเคยวางจำหน่ายบนเครื่องแฟมิคอมในปีค.ศ.1990 ซึ่งเป็นเกมแอ็กชันลุยด่านที่มีธีมตามสมัยนิยมคือตัวเอกเป็นนินจาชายหญิงที่ออกไปลุยกับกองทัพของวายร้ายการูดาที่เข้าบุกยึดอเมริกา ทั้งสองซึ่งเป็นนินจาจากญี่ปุ่นก็ไม่รู้ว่าจะไปยุ่งอะไรกับกิจการภายในของประเทศอื่นเค้า แต่สุดท้ายก็บุกไปสังหารการูดาแล้วปลดแอกให้กับอเมริกาได้สำเร็จ
โดยการรีเมกในคราวนี้ก็ยังคงรักษาแก่นของเกมต้นฉบับไว้ แต่เปลี่ยนจากอเมริกาเป็นประเทศสมมติแทน โดยเรายังคงได้เลือกเล่นเป็นตัวเอกชายฮายาเตะ หรือตัวเอกหญิงคาเอเดะ แล้วออกไปบุกฝ่าศัตรูมากมายในฉากจากนั้นก็ตีกับบอสก่อนจะจบฉาก เพียงแต่ว่าพอเป็นภาครีเมกนี้ก็เพิ่มระบบการซื้อไอเท็มก่อนเริ่มเกมเข้ามา คุณอยากติดอาวุธหรือของเติมพลังอะไรไปเข้าฉากก็เลือกเอาเลย แต่ยังไงซะรอบแรกคุณก็ต้องเล่นตัวเปล่า ๆ ก่อนอยู่ดี เพราะบรรดาไอเท็มพวกนี้จะเพิ่มมาก็ต่อเมื่อคุณเก็บไว้กับตัวในตอนที่จบฉาก ดังนั้นถ้าระหว่างทางคุณพลาดจนต้องคอนทินิวก็อดหมดนะ
สิ่งที่ต้องพูดถึงอย่างแรกก็คือตัวเกมจะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างการเล่นตัวเอกชายและตัวเอกหญิงมากนัก ทั้งสองคนออกแอ็กชันอะไร ๆ ได้เหมือนกันครับ แอ็กชันหลัก ๆ ก็จะตามสไตล์ของเกมแอ็กชัน 2D นั่นล่ะครับ ที่เราฟันดาบได้ กระโดดได้ แต่ก็มีพวกแอ็กชันพิเศษหน่อยอย่างการหมุนตัวกลางอากาศเพื่อหน่วงเวลาลงพื้น ไว้สำหรับเวลาหลบการโจมตีอะไรแบบนั้น หรือการโจมตีระยะไกลโดยใช้โซ่ด้วยปุ่มเฉพาะ และก็ยังมีการวิ่งไต่กำแพง และการใช้ท่าพิเศษโจมตีทั้งจอแต่แลกกับพลังชีวิตที่หายไปก็ยังอยู่
ถ้าจะมีอะไรที่ต่างกันนิดหน่อยระหว่างทั้งสองคนก็คือฮายาเตะนั้นเคลื่อนที่ช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ในทางกลับกันเวลากระโดดนี่คาเอเดะจะกระโดดได้ระยะสั้นกว่า
เอาเข้าจริง หลายอย่างก็ดูสมเป็นนินจาตามภาพจำที่เคยเห็น ๆ กันมานั่นล่ะครับ แต่พอตอนเล่นนี่ผมกลับรู้สึกว่าเกมมันแอบช้าแปลก ๆ คือทุกการเคลื่อนไหวเรามันจะดูมีความหนืดนิดนึง ตอนออกตัววิ่งก็จะไม่ปุบปับทันใจ การตวัดดาบ การปาโซ่ แม้แต่การแดชนี่มันยังรู้สึกไม่ทันใจเลย คือส่วนตัวแล้วเวลาผมเล่นเกมแอ็กชัน 2D พวกนี้ ถ้ามีระบบแดชให้ใช้ ผมจะติดนิสัยสแปมปุ่มแดชน่ะครับ ทั้งเพื่อการไปข้างหน้าไว ๆ ทั้งเพื่อการหลบเวลาบอสโจมตี แต่ของเกมนี้ผมรู้สึกว่าแดชมันดูไม่มีอรรถประโยชน์มากขนาดนั้น เพราะตอนเริ่มมันจะมีจังหวะสตาร์ตนิดนึง พอหมดระยะแดชมันก็จะมีจังหวะหยุดนิดนึง เกมมันเลยดูช้า ๆ อืด ๆ ไม่ค่อยทันใจ
นี่ยังไม่นับว่าระบบควบคุมการปีนขึ้นหรือลงแพลตฟอร์มมันแอบทำมาประหลาดด้วยครับ คือพอเวลาเราเกาะพวกพื้นลอยนี่ การจะขึ้นไปด้านบนแค่กดปุ่มทิศทางบนก็ขึ้นเลย แต่พอเวลาจะลงล่างจากตอนที่เกาะอยู่ต้องกดทิศทางล่างพร้อมปุ่มกระโดด หลายจังหวะมันเลยทำให้แบบงง ๆ กดผิดกดถูกประจำ ไม่ได้กะจะขึ้นก็ดันขึ้น แต่พอเวลาจะลงดันไม่ลงเพราะมันกดต่างกันนี่ล่ะครับ
อีกจุดหนึ่งที่ต้องตำหนิเลยก็คือเวลาเลือกไอเท็ม แทนที่จะใช้ปุ่มแบบ L2 หรือ R2 เลือกไอเท็มซ้ายหรือขวาได้เลย เกมนี้เราต้องกด R1 ค้างแล้วเลื่อนซ้ายเลื่อนขวาจนกว่าจะได้ชิ้นที่ต้องการแทน มันเลยทำให้กดเลือกระหว่างแอ็กชันอื่นไม่ได้ ทุกอย่างมันก็ไปจบที่เล่นแล้วรู้สึกว่าเกมมันช้า มันอืดนี่ล่ะครับ ยิ่งจังหวะคับขันสู้บอสนี่เลือกใช้ลำบากมาก
โดยส่วนตัวผมคิดว่าด้วยตัวฉากแต่ละฉากเอง และการจัดวางศัตรูนั้นไม่ได้ยากมาก แม้แต่บอสก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ยากก็คือความไม่คล่องตัวของการควบคุมตัวเราครับ แทนที่จะให้ความรู้สึกไว ๆ คล่องตัวสมเป็นนินจาแต่ดันวิ่งเหมือนไปจ๊อกกิ้งที่สวนสาธารณะ ทั้งที่ในโอเพนนิงนี่สับขาวิ่งกันซะเหมือนจะทำสถิติร้อยเมตรในห้าวินาที เกมมันเลยรู้สึกอั้น ๆ ไปไม่สุดครับ
ดีไซน์ฉากแต่ละฉากในเกมโดยรวม ผมคิดว่าทำออกมาได้โอเค แต่ว่ามันก็วกกลับไปประเด็นเดิมเรื่องเกมมันช้า เพราะว่าแม้ตัวเอกจะเป็นนินจาแต่ว่าฉากถูกออกแบบมาโดยเต็มไปด้วยกับดักที่จะต้องอาศัยความอดทนรอจังหวะ บางจุดอาจต้องยืนนิ่ง ๆ รอเวลา มันไม่มีฉากที่ใช้ประโยชน์จากความเป็นนินจาของตัวละครครับ
เกมนี้มีทั้งหมดด้วยกัน 6 ฉาก โดยแต่ละฉากก็จะมีการแบ่งฉากย่อยที่จะมีบอสคั่นเป็นระยะ เพียงแต่ว่าพอคุณจบแล้วมันก็จะไม่มีอะไรให้เล่นต่อเท่าไรนัก นอกจากวนรอบเล่นซ้ำเพื่อหาไอเท็มต่าง ๆ ที่ซ่อนให้ครบ หรือตั้งเป้าทำคะแนนแข่งกับคนอื่น หรือเล่นโหมดไทม์แอทแท็ก หรือไม่ก็ลองเล่นแบบไม่คอนทินิวดู แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ไม่ค่อยจะเหลืออะไรล่ะครับ
จุดที่ต้องชมจุดหนึ่งก็คือกราฟิกของเกมนี้ที่แม้จะทำออกมาเป็นภาพพิกเซล แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นสวยงามดีให้อารมณ์แบบเกมเรโทรครบถ้วน เหมือนเป็นตัวอย่างว่าถ้าเกมสมัยแฟมิคอมได้รับการอัปเกรดลงพวกเครื่องยุค 32 บิตแล้วหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร โดยที่พวกอนิเมชันท่าเคลื่อนไหวต่าง ๆ นั้นก็ละเอียดดีใช้ได้อยู่ และเพลงประกอบฉากนั้นก็เป็นการรีมิกซ์จากภาคต้นฉบับบนแฟมิคอมครับ ดังนั้นใครเคยเล่นภาคต้นฉบับมานี่คุ้นหูแน่นอน
โดยรวมแล้ว KAGE Shadow of the Ninja ก็ถือเป็นการรีเมกที่ค่อนข้างโอเค และจับเอาความรู้สึกแบบเกมต้นฉบับมาไว้ได้ครบถ้วนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าถ้าปรับเกมให้มันเร็วขึ้นหน่อย คล่องตัวขึ้นนิด ก็จะดีกว่านี้ครับ มีหลายครั้งเลยที่ผมเล่นแล้วแอบหงุดหงิดเพราะความอืดในการบังคับควบคุมครับ สรุปแล้วถ้าคุณชอบเกมสไตล์แอ็กชันเรโทรก็สามารถเล่นได้ แต่อาจจะขัดใจไม่ต่างจากผมในประเด็นที่กล่าวไปครับ