รีวิว FINAL FANTASY VII REBIRTH PC Version
*ขอขอบคุณ SQUARE ENIX สำหรับโค้ดรีวิวบน Steam มา ณ โอกาสนี้ครับ
เมื่อ 23 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา เกม FINAL FANTASY VII REBIRTH ก็ได้เปิดตัวกันอย่างยิ่งใหญ่ทั้งบน Steam และ Epic Games Store เพื่อให้เกมเมอร์ชาวพีซีได้สัมผัสกับเกมระดับ 100 คะแนนเต็มของเว็บเรา จากการรีวิวเวอร์ชัน PS5 โดยคุณ G-jang ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้นะครับ ซึ่งในการรีวิวเวอร์ชัน PC ในครั้งนี้ ผมใช้คอมพิวเตอร์สเปค Intel i5-13400F (2.50 GHz), แรม 32 GB และการ์ดจอ Geforce RTX 4070 ปรับการแสดงผลเป็นโหมด High ทั้งหมดตลอดการเล่นตั้งแต่ต้นจนจบเกมครับ
ทีนี้ สำหรับข้อมูลพื้นฐานตลอดจนการวิพากษ์ตัวเกมนั้น ผมจะไม่ขอผลิตซ้ำอีก เนื่องจากคุณ G-jang ได้เขียนรีวิวไว้อย่างละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเชิญไปอ่านกันได้ ส่วนข้อมูลพื้นฐานเกม ขอเชิญคลิกอ่านได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
(สำหรับคนที่ตั้งใจจะเล่นเกมนี้แน่ ๆ ผมขอแนะนำให้อ่านเลยครับ เพื่อเพิ่มความรู้และความมันส์ในการเล่น โดยทั้งหมดนี้ พวกเราแปลจากเอกสารรายละเอียดเกมที่ส่งตรงมาจาก SQUARE ENIX โดยเฉพาะ)
- – FINAL FANTASY VII REBIRTH รายละเอียดตัวละครและระบบเกมเพิ่มเติม
- – เผยรายละเอียดใหม่ ๆ อย่างจุใจของ FINAL FANTASY VII REBIRTH
- – FINAL FANTASY VII REBIRTH เผยข้อมูลพื้นที่ต่าง ๆ ของโลกเกม, ตัวละครยูฟี่และเคทซิธ
อ่ะ! มาเข้าเรื่องในส่วนของเวอร์ชัน PC อันดับแรกเลยก็คือ บรรดาฟีเจอร์พิเศษที่ผมพบว่ามันเป็นของใหม่ แตกต่างจากเวอร์ชันคอนโซลก็ได้แก่ เวอร์ชัน PC จะให้ความรู้สึกที่สมจริงยิ่งกว่าเดิม ภาพเกมสวยมาก โดยเฉพาะแสงและเงาจะได้รับการพัฒนาขึ้นไปอย่างมากทั่วทั้งเกม แถมคมชัดสุด ๆ นี่เป็นหนึ่งในเกมที่มีภาพและฉากสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นเกมมาเลยทีเดียว
ต่อมาก็คือ เกมมีโหมดภาพที่หลากหลายให้คุณได้เลือกปรับตามใจชอบ โดยแบ่งไว้สามระดับ สูง, กลางและต่ำ เพื่อรองรับเซ็ตอัปคอมพิวเตอร์ที่หลากหลายของผู้ใช้ และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ประกอบไปด้วยการรองรับเฟรมเรตขั้นสูงไปจนสูงสุด 120 fps ซึ่งจากประสบการณ์การเล่นของผม เกมวิ่งได้เกินกว่า 60 fps ตลอดทั้งเกมจริง ๆ ตั้งแต่ฉากแรกยันจบเกมเลยอ่ะ
ขอขยายความเรื่องคุณภาพกราฟิกอีกนิด ผมเข้าใจว่าทีมงานเขาออปติไมซ์มาเพื่อการเล่นบน PC โดยเฉพาะในแบบที่ว่า ลงลึกทุกรายละเอียดโมเดลฉากหลัง และระดับของเท็กซ์เจอร์ฉากหลัง ที่ให้ภาพโคตรละเอียด เต็มไปด้วยดีเทลยิบย่อย นี่ยังไม่นับฉากคัตซีนที่งามหยดจนผมตกใจว่าคอมฯ ผมมันให้ภาพได้ขนาดนี้เลยหรือเนี่ย!
แถมเจ้าการ์ดจอ GeForce ของผมก็รองรับ NVIDIA DLSS จึงทำให้สามารถพัฒนาเฟรมเรตและอัปสเกลภาพได้อีกด้วยนะ
ฟีเจอร์สุดท้ายที่เขาปรับจูนมาดีมากก็คือการรองรับคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense ผ่านการเชื่อมต่อด้วยสายแล้วเล่นด้วยวิธีการควบคุมแบบเดียวกันกับฉบับ PS5 ได้ ทั้งนี้ เวอร์ชัน PC ก็จะรองรับคีย์บอร์ดและเมาส์เช่นเดียวกัน
แถมอีกนิด (ซึ่งอันนี้ผมไม่ได้ลองด้วยตัวเอง) ก็คือตัวเกมผ่าน Steam Deck Verified ใครที่มีเครื่องเกมพกพายี่ห้อนี้ก็น่าจะซื้อไปเล่นได้แบบสบายใจ
สรุป
ขอเล่าให้ฟังแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า ตลอดการเล่น 30 กว่าชั่วโมงของผมจนจบเกม ผมไม่เจอบั๊กหรือ glitch เลยแม้แต่ครั้งเดียว! หายากมาก ๆ เลยนะครับสำหรับเกมที่พอร์ตมาจากเวอร์ชันคอนโซล เขาเก็บงานกันเนี้ยบมากเลย ไม่รู้ทำได้ไง มันเลยกลายเป็นประสบการณ์การเล่นเกมที่ยกระดับทำให้เกมที่คุณภาพเยี่ยมอยู่แล้ว ให้มีการแสดงผลที่สุดยอดยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นเกมที่คุณภาพคับแก้ว คุ้มค่าเงินอย่างแน่นอน
ถ้าจะถามว่า มีอะไรบ้างที่ผมเล่นแล้วรู้สึกว่า…มันยังไม่ถูกใจ ก็คงจะเป็นเนื้อเรื่องมันนั่นแหละ ที่ซับซ้อนและฟูมฟาย ไม่ค่อยถูกใจเกมเมอร์แก่ ๆ อย่างผมเท่าไหร่ แต่ประเด็นนี้เป็นรสนิยมล้วน ๆ ผมเลยไม่เอามาประกอบการให้คะแนนนะครับ ไม่ต้องห่วง 555