*ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
พอเอ่ยถึงเกมสไตล์ 2D ที่เน้นการสำรวจฉาก และแสวงหาความสามารถและพลังใหม่ ๆ โดยที่คุณสามารถย้อนกลับไปฉากเก่า ๆ เพื่อใช้พลังที่ได้มาใหม่ในการผ่านฉากหาทางไปต่อนั้น ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยน่าจะเข้าใจกันหมดว่าเกมดังกล่าวถูกจัดหมวดหมู่เป็นแนว Metroidvania ที่เกิดจากการนำเอาชื่อของเกมต้นแบบอย่าง Metroid และ Castlevania (โดยเฉพาะภาค Symphony of the Night) มาผสานเข้าด้วยกันนั่นเอง และ Shadow Labyrinth ในครั้งนี้ก็คือเกม Metroidvania นั่นล่ะครับ
เนื้อเรื่อง
สำหรับเซ็ตติ้งของเกมนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตัวเอกของเกมที่นั่งเล่นเกมอยู่ดี ๆ ในสภาพแวดล้อมเมืองใหญ่ในปัจจุบัน โดนเรียกตัวหายวับไป และต้องไปช่วยเหลือกับตัวตนปริศนารูปร่างทรงกลมเหมือนแพ็กแมนที่เรียกตนเองว่า PUCK ซึ่งเป็นผู้เรียกคุณมาให้ช่วยปฏิบัติการภารกิจให้สำเร็จ นั่นคือการกำจัดตัวหัวหน้าใหญ่ของดาว Xevious ดวงนี้ ที่มันมีชื่อว่า GAMP นั่นเอง
ในส่วนของเนื้อหาโดยรวมของเกมนั้น อาจเรียกได้ว่าก็เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ครับตามสไตล์เกม Metroidvania ส่วนใหญ่คือไม่ได้เน้นความเข้มข้นลึกซึ้งของเนื้อหาอะไรมากนัก แต่จะไปเน้นการสำรวจฉาก หาความลับ สู้บอส เก็บไอเท็ม ฯลฯ อะไรแบบนั้นมากกว่า เพียงแต่ว่าจุดขายหลัก ๆ เลยของ Shadow Labyrinth ก็น่าจะไม่พ้นบรรดาอีสเตอร์เอกมากมายในเกมที่หยิบยกเอามาจากหลายเกมคลาสสิกของ Bandai Namco เอง อย่างเช่น Galaxians เอย Galaga เอย Bosconians เอย แม้กระทั่งเกมอย่าง Dig Dug ก็ด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่อีสเตอร์เอกมากมายขนาดนั้นนั่นก็เป็นเพราะว่าเกมนี้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในจักรวาล UGSF ที่ Bandai Namco ปูเรื่องราวเอาไว้ผ่านหลายต่อหลายเกมนั่นล่ะครับ ดังนั้นชื่อฝ่าย ชื่อเผ่าพันธุ์ ชื่อกองกำลัง กระทั่งรูปแบบหรือดีไซน์ของศัตรูก็จะเป็นอะไรที่คุณรู้จักแน่ ๆ หากคุณเป็นเด็กหนวดที่เคยเล่นหรือเคยได้ยินชื่อ หรือเคยเห็นตามนิตยสารต่าง ๆ ก็ตามที (ซึ่งไทม์ไลน์อย่างเป็นทางการของ UGSF นี่ก็เริ่มตั้งแต่เกม Ace Combat 3 เป็นต้นมาด้วยนะ)
โดยรวมผมคิดว่าเนื้อหาของเกมนั้นก็อยู่ในระดับโอเค ชวนให้ติดตามได้เพลิน ๆ แต่มันไม่ได้มีอะไรชวนตะลึงหรือหักมุมหัวทิ่มอะไรแบบนั้น ตัวเกมมีการเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมาและมีลอร์เบื้องหลังให้คุณได้เก็บตามอ่านมากระดับหนึ่งหากว่าคุณสนใจเหตุการณ์หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ UGSF ครับ
เกมเพลย์
อย่างที่ผมบอกไปว่าเกมนี้คือแนว Metroidvania ดังนั้นตลอดทั้งเกมจะเน้นไปที่การสำรวจและต่อสู้กับศัตรูเพื่อดำเนินเรื่องต่อ และคุณจะต้องย้อนกลับมาฉากเก่าบ่อย ๆ เมื่อคุณได้ความสามารถใหม่ ๆ มาอาจจะเพื่อค้นหาความลับ หรือไม่ก็หาทางไปต่อก็ตาม
รูปแบบการต่อสู้ของเกมหลัก ๆ คือการใช้ดาบคู่มือคุณโจมตีศัตรูจนกว่ามันจะตายด้วยท่าฟันสามคอมโบครับ ซึ่งเกมจะไม่มีการเพิ่มเติมคอมโบหรือรูปแบบการโจมตีพื้นฐานอะไรเท่าไรนัก สิ่งที่ต่างก็คือสกิลจากการกดปุ่มสามเหลี่ยมซึ่งจะใช้ค่า ESP มากน้อยกันไปตามแต่ละสกิลที่เลือก ส่วนความสามารถพื้นฐานอื่น ๆ ของคุณก็จะเป็นแบบที่รู้ ๆ กันอย่างเช่นการกลิ้งหลบการโจมตีที่จะเป็นอมตะชั่วครู่ การกระโดด การสไลด์เข้าช่องแคบ และเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ อาทิการกระโดดสองชั้น การแดชกลางอากาศ ฯลฯ อะไรพวกนั้น ซึ่งก็จะมีประโยชน์ทั้งในการต่อสู้และในการผ่านฉาก (โดยเฉพาะพวกแพลตฟอร์มมิงที่มีตลอดทั้งเกม)
เกมมีระบบการแปลงร่างเป็นหุ่นที่เรียกว่า Panzer GAIA ซึ่งจะทำให้คุณเป็นอมตะในระหว่างที่แปลงร่างอยู่ ซึ่งประโยชน์ของมันก็คือในการสู้บอสที่ทำให้คุณยืนแลกกับบอสได้ระดับหนึ่ง รวมถึงใช้ในการผ่านอุปสรรคในฉากด้วย เพราะบางจุดนี่ถ้าคุณไม่แปลงร่างก็จะผ่านไม่ได้แน่ ๆ นั่นล่ะครับ
ในแง่ของความยากนี่ ต้องเรียกได้ว่าก็แอบยากอยู่ไม่เบาเหมือนกัน ยิ่งโดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ของเกมเลยที่ตัวเรามีมูฟเมนต์ยังไม่เยอะ ตัวเลือกในการหลบหลีกหรือการโจมตีก็จะจำกัด มันเลยทำให้เกมรู้สึกไม่คล่องตัวมาก ๆ ยังไม่นับว่าเกมนี้ดันเลือกใช้ระบบแถบพลังงานเหมือนพวกเกมโซลส์ไลก์ด้วยนะ (ก็แถบ ESP ที่ว่า) การกดหลบหรือการใช้สกิลจะกินพลังงานแถบนี้เหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณกดใช้สกิลเพลินหรือสแปมหลบ มันก็จะทำให้คุณหลบไม่ได้ไปชั่วครู่จนกว่าแถบจะฟื้นกลับมาเต็ม กลายเป็นจังหวะที่คุณจะโดนโจมตีได้ง่ายมาก แล้วถ้าคุณไปเจอบอสช่วงหลัง ๆ นี่บางครั้งมันโจมตีเราเปรี้ยงหนึ่งพลังไม่ได้ลดแค่ 1 หรือ 2 ช่องด้วย แต่ลดทีนึง 5 ช่องก็มี เกมเปิดโอกาสให้คุณผิดพลาดได้ไม่มากครับ
อีกประเด็นที่ต้องพูดถึงเรื่องไม่คล่องตัวก็คือ เกมนี้เวลาคุณกดแอ็กชันอะไรไปแล้ว คุณแคนเซิลอนิเมชันไม่ได้ จะมาแบบกดตีแล้วกดหลบทันทีเลยไม่ได้นะครับ คุณต้องรอจนกว่าอนิเมชันท่าฟันจะออกหมดก่อน ดังนั้นทริคประเภทกดสแปมหลบเพื่อแคนเซิลท่าตีรัว ๆ เหมือนเกมอื่นนี่ทำไม่ได้ครับ ทำให้ใครเป็นสายที่ชอบเล่นอะไรฉับไวอาจจะมีขัดใจได้ ที่สำคัญคือกว่าเกมจะเริ่มปลดล็อกความสามารถใหม่มาให้เราคล่องตัวขึ้น ก็ต้องเล่นไปราว ๆ 10+ ชั่วโมงแล้ว มันเลยเป็นเกมที่สร้างความประทับใจได้ช้าเกินไปหน่อย และอาจทำให้คนเล่นถอดใจไปก่อนที่เกมจะเริ่มเข้ามือครับ
นอกจากนั้นแล้วส่วนตัวผมมองว่าการเคลื่อนไหวในบางครั้งมันแอบชวนขัดใจแปลก ๆ ครับ ด้วยความที่เกมนี้พอคุณกระโดดไปใกล้ขอบพื้นนี่ ตัวละครจะทำการปีนโดยอัตโนมัติ หลายครั้งที่ไม่ได้อยากจะปีน เกมก็จะปีนให้ แม้แต่บางทีขอบหรือผนังที่มีหนามพี่แกก็ปีนให้เฉยเลย กลายเป็นว่าอยู่ ๆ ตัวเกราก็เอาหน้าไปทิ่มหนามเองซะแบบนั้น แล้วพอเจอพวกฉากแพลตฟอร์มิงที่ต้องอาศัยความเป๊ะมาก ๆ เยอะไม่เบา บางครั้งพอเล่นแล้วมันก็ชวนหงุดหงิดได้ครับ
ระบบความก้าวหน้าตัวละครในเกมนี้จะไม่ใช่ระบบเลเวล แต่อาศัยการตระเวนหาของอัปเกรดเพิ่มขีดพลังชีวิตถาวร หรือไม่ก็ใช้ค่าเงินในเกมอัปเกรดพลังโจมตีและหลอด ESP เอา รวมถึงบรรดา Perk ต่าง ๆ ที่ติดตั้งได้เพื่อเพิ่มความสามารถแพสซีฟให้กับตัวคุณเอง ซึ่งก็มีเยอะอยู่ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าก่อนจะซื้อ Perk แต่ละประเภทได้นั้นคุณจะต้องมีวัตถุดิบครบตามจำนวนที่เกมกำหนดก่อนเหมือนกัน
วัตถุดิบที่ว่าไปนั้น วิธีได้มาก็คือการกำจัดศัตรูแล้ว “กิน” พวกมันนั่นล่ะครับ แล้วถามว่าการกินใช้อะไร? ก็ใช้ค่า ESP อีกแล้วนั่นล่ะ คุณเลยไม่สามารถสแปมกินรัว ๆ ได้ ทุกอย่างต้องมีจังหวะจะโคนของมันหมด ถ้าสมมติคุณตีศัตรูระดับบอสรองเพื่อจะเอาวัตถุดิบ แต่ค่า ESP ดันหมด คุณก็จะวืดไปเลยเพราะศพศัตรูมันจะอยู่แค่ไม่นาน สิ่งเหล่านี้มันแอบน่ารำคาญระดับหนึ่งเหมือนกัน
แน่นอนว่าด้วยความที่เกมนำเสนอความเป็นแพ็กแมนในแบบดาร์กไซไฟ สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือฉากที่ให้เราเล่นในเขาวงกตเสมือนเป็นแพ็กแมนแบบคลาสสิก แต่เพิ่มลูกเล่นการกระโดดข้ามเส้นไปมานี่ล่ะครับ ซึ่งเล่นช่วงแรก ๆ ก็ดูโอเคเล่นได้เพลิน ๆ แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายเก็บความสมบูรณ์ล่ะก็ การเล่นฉากเขาวงกตพวกนี้อาจจะทำให้คุณกรีดร้องแน่ ๆ เพราะเงื่อนไขที่บังคับให้คุณต้องเล่นแต่ละฉากแบบแทบจะเพอร์เฟกต์ ทั้งห้ามตาย ทั้งต้องเล่นให้เร็ว ทั้งต้องเก็บผลไม้ให้ครบ และทั้งหมดทั้งมวลต้องเล่นในเวลาแค่ห้านาทีต่อฉาก แบบการบังคับรวมถึงองศาการกระโดดที่ต่างไปจากการเล่นปกตินี่เผลอ ๆ จะทำให้คุณหัวร้อนได้มากกว่าการสู้บอสด้วยซ้ำไป
ถึงอย่างนั้น ผมก็มองว่า Shadow Labyrinth นี้เป็นเกมสไตล์ Metroidvania ที่เล่นสนุกใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตระเวนสำรวจฉากต่าง ๆ เพื่อหาความลับครับ ส่วนตัวผมคิดว่าแผนที่ของเกมนี้ค่อนข้างช่วยเหลือผู้เล่นมากอยู่ เพราะบรรดาทางลับทางซ่อนต่าง ๆ นี่ถ้ากดดูแผนที่จะเห็นหมดว่าตรงไหนเข้าได้ ตรงไหนมีทางซ่อนแม้ว่าทางเข้าจะโดนบังอยู่ก็ตาม เพียงแค่ว่าถ้าในแง่การดำเนินเรื่องต่อนี่เกมจะไม่มีอะไรบอกใบ้คนเล่นเยอะครับ ต้องอาศัยวิ่งหาจุดไปต่อกันเอาเอง แถมพอในหนึ่งฉากมันมีแมปด้านหน้ากับด้านหลังก็ยิ่งทำให้ฉากมันกว้างขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าเกมนี้เป็นแนว Metroidvania ที่ใหญ่มากเกมหนึ่งเลยครับ
กราฟิกและการนำเสนอ
ในแง่ของกราฟิกนั้น ส่วนตัวผมมองว่าตัวเกมอยู่ในระดับที่โอเคครับ อาจไม่ถึงกับโดดเด่นทะลุจอมาเลยแต่ก็ไม่แย่ พวกเอฟเฟกต์ตอนใช้ท่าและตอนต่อสู้ก็ทำออกมาดูรุนแรงดี หลายจุดของเกมก็ชัดเจนว่ามีการออกแบบโดยอ้างอิงองค์ประกอบของหลาย ๆ เกมในยุคคลาสสิกมาเป็นพื้นฐานแล้วแต่งเติมรายละเอียดบางอย่างเข้าไปให้มีความสมัยใหม่ขึ้นครับ โดยเฉพาะพวกศัตรูจาก Galaga หรือ Dig Dug ที่เด่นชัดมาก ถึงอย่างนั้นจุดที่ต้องชมก็น่าจะเป็นบรรดาบอสต่าง ๆ ยิ่งช่วงหลัง ๆ นี่คือตัวใหญ่สะใจมากให้ความรู้สึกอลังการได้ดีเลย
งานเสียง
เพลงประกอบและซาวด์เอฟเฟกต์ส่วนใหญ่ของเกม ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดก็จะเป็นการรีมิกซ์มาจากหลาย ๆ เกมในอดีตครับ โดยเฉพาะฉากเขาวงกตที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายังไงก็จากแพ็กแมน ดังนั้นหลายเพลงและหลายเสียงประกอบก็น่าจะคุ้นหูหลายคนอยู่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์รุ่นเดอะครับ ในส่วนของเสียงพากย์นั้น เกมนี้ก็พอมีแต่มันก็เหมือนไม่ค่อยมีเพราะตัวละครพูดกันด้วยภาษาสมมติก็เลยบอกไม่ได้ว่าใครสื่ออารมณ์แบบไหนกันอยู่ครับ
สรุป
Shadow Labyrinth นั้นเป็นเกม Metroidvania ที่เล่นได้พอเพลิน ๆ แต่ก็มีข้อขัดข้องเรื่องการควบคุมอยู่ระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าถ้าคุณเล่นจนพ้นถึงช่วงที่ปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ เพิ่มความคล่องตัวได้แล้ว เกมก็จะสนุกขึ้นพอสมควรเหมือนกันครับ เซ็ตติ้งของเกมก็น่าจะทำให้เกมเมอร์เก่า ๆ รำลึกความหลังได้มากอยู่ แต่ต่อให้เป็นเกมเมอร์รุ่นใหม่ก็เล่นได้นะ แค่ต้องเตือนว่าเกมมันไม่ได้ง่ายครับ ยิ่งบอสไฟต์ก่อนจบนี่อาจเป็นกำแพงของหลายคนเลยก็ได้














