รีวิว HOT WHEELS UNLEASHED™ 2: TURBOCHARGED
*ขอขอบคุณโค้ดเกม (PS5) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
เมื่อสองปีก่อน ผมเคยรีวิวภาคแรกของเกมแข่งรถฮ็อตวีลเอาไว้แล้วครับ (ใครสนใจย้อนอ่านได้ที่นี่ [HOT WHEELS UNLEASHED – รีวิว [REVIEW] ซึ่งตอนนั้น ผมค่อนข้างอวยยศเกมนี้ไว้พอสมควร เพราะมันฉีกขนบเกมแคชชวลที่ดูหน้าตาเหมือนเกมเด็ก ๆ ให้กลายเป็นเกมแข่งความเร็วคุณภาพสูง เล่นแล้วสนุกแถมด้วยคอนเทนต์หลากหลายมากมายในเกม
เวลาล่วงเลยมาในปัจจุบัน ทางทีมงาน Milestone ได้ฤกษ์เข็นภาคสองออกมาให้ได้เล่นกันแล้ว กับชื่อเต็ม ๆ ว่า Hot Wheels Unleashed 2 – Turbocharged โดยเขาคุยว่า ภาคนี้มีการเพิ่มระบบเกมเพลย์ใหม่ ๆ ที่มาพร้อมแคมเปญเนื้อเรื่องแบบใหม่ให้ได้เล่นกัน ไปดูกันครับ ว่าการเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้จะเพียงพอหรือเปล่า และคุ้มค่าการลงทุนของผู้บริโภคอย่างเราหรือไม่
GAME MODE
เมื่อเปิดเข้าเกมคุณก็จะได้พบกับโหมดเกมหลัก ๆ ที่คล้ายกับภาคแรก อาทิ ควิกเพลย์, โหมดแข่งกับเพื่อน ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยอย่างหลังคุณสามารถสร้างห้องปาร์ตี้เพื่อเล่นกับเพื่อน ๆ ทั่วโลกได้ด้วย (เล่นข้ามแพลตฟอร์มกันได้)
ทีนี้ ที่ถือว่าเป็นของใหม่จริง ๆ ที่ควรหยิบมาพูดถึงก็คือโหมดอาชีพที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องที่ได้รับการปรับปรุงให้เข้มข้นกว่าเดิม คือของภาคแรกนั้น มันจะเป็นลักษณะของการท่องไปบนแผนที่เพื่อไล่เก็บอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อลงแข่งขันแล้วก็จะเป็นการเก็บรวบรวมประสบการณ์, ทรัพยากร และสะสมรถเหล็กคันใหม่ ๆ เพิ่มเข้าสู่คลังของคุณ
แต่สำหรับในภาคสองนี้ Turbocharged จะเปิดตัวแคมเปญแบบมีเรื่องราว มีตัวละคร 4 คน มีการเล่าเรื่องที่เผยให้เห็นเบื้องลึกของแต่ละคนพร้อมคัตซีนการดำเนินเรื่องที่เพิ่มอรรถรสให้ผู้เล่นได้อินไปกับเรื่องราวเหล่านั้น ซึ่งการนำเสนอออกมาถือว่าทำได้ดี เหมือนการ์ตูนที่เด็ก ๆ ชอบดูกันในช่องสตรีมมิ่งทั้งหลาย
ส่วนโหมดที่ไม่ควรมองข้ามอีกอันก็คือ โหมดที่เปิดโอกาสให้คนเล่นสามารถโมฯ รถ, สร้างสนามแข่ง ในสไตล์ของตนเองได้อย่างใจนึก ซึ่งเครื่องมือแก้ไขและสร้างสนามนี้ อัปเกรดขึ้นมากจากภาคก่อน แถมด้วยเครื่องมือ Sticker Editor ที่สามารถสร้าง, บันทึก และแชร์ผลงานของคุณกับคนอื่น ๆ ได้ด้วย
GAME PLAY
ประเด็นสำคัญที่สุด ใน Hot Wheels Unleashed 2 – Turbocharged คือ รถที่เร็วจะไม่ใช่กุญแจสู่ชัยชนะเพียงอย่างเดียว เนื่องจากรูปแบบการเล่นได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ด้วยการเปิดตัวระบบการเคลื่อนไหวใหม่ 2 รูปแบบ ที่เพิ่มระดับความพิเศษให้กับการแข่ง
อย่างแรกคือ ภาคนี้ผู้เล่นสามารถกระโดดหรือกระโดดสองครั้งได้ทุกเมื่อ ด้วยรูปแบบการเล่นใหม่นี้ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการแซงคู่ต่อสู้หรือขับขี่ในเส้นทางพื้นที่แคบโดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และยังใช้เพื่อข้ามเข้าสู่ทางลัดใหม่หรือเข้าถึงส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มาก่อนหน้านี้ของสนามแข่ง
อย่างที่สองคือ Lateral Dash ใหม่ ที่เข้ามาช่วยให้ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนทิศทางไปทางซ้ายหรือขวาได้อย่างรวดเร็ว จะใช้เพื่อชนกับฝ่ายตรงข้ามก็ได้ หรือใช้เบียดให้คู่ต่อสู้ออกนอกเส้นทางก็ได้
ด้วยความสามารถใหม่เหล่านี้ เมื่อรวมกับกลไกการเร่งความเร็วหรือบูสเตอร์แบบดั้งเดิม และการดริฟต์ ก็จะยิ่งช่วยให้การแข่งสนุกสนานเร้าใจมากขึ้น
ทั้งนี้ ผมพบว่าทั้งการกระโดดและการกระแทกที่เพิ่งกล่าวไปนี้ จะเห็นผลชัดเจนก็ต่อเมื่อคุณเล่นเกมในระดับความยากสูงสุด หรือไม่ก็ใช้เล่นกับคนอื่น ๆ ทางออนไลน์ เพราะถ้าเล่นคนเดียวในแบบนอร์แมลกับอีซี่นี่แทบไม่ต้องใช้หรอกครับ ขับขี่ไปเฉย ๆ ก็ชนะง่าย ๆ อยู่แล้ว
ART & CREATIVITY
จุดเด่นสำคัญที่สุดสำหรับหัวข้อนี้ ไม่ได้อยู่ที่คุณภาพของกราฟิก, แสงสีในฉากเพียงอย่างเดียวครับ แต่ที่ผมอยากชื่นชมมาก ๆ ก็คือ การออกแบบให้ฉากต่าง ๆ นั่นจำลองมาจากสถานที่ที่เหมาะกับการ “เล่นของเล่น” แบบสุด ๆ
อาทิ ฉากสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันหลายแบบ มีทั้ง สนามหลังบ้านของที่เปลี่ยนเป็นสนามแข่งรถที่น่าตื่นเต้น, สนามกอล์ฟขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเมืองสไตล์คาวบอย, พิพิธภัณฑ์หุ่นจำลองไดโนเสาร์ และปั๊มน้ำมันกับร้านอาหารแบบลูกทุ่งอเมริกัน ฯลฯ เหล่านี้ที่ออกแบบได้สวยงาม เต็มไปด้วยรายละเอียดแปลกตาให้คนเล่นได้เล่นไปดูไป เพลินดีครับผม
CONCLUSION
Hot Wheels Unleashed 2: Turbocharged เป็นเกมแข่งรถภาคต่อที่ให้ภาพสวยงามมาก มีการดำเนินเกมที่รวดเร็ว สนุกสนาน และระบบเกมแข็งแกร่ง ระบบการแข่งรถคุณภาพดี ไม่ใช่เกมแข่งรถแคชชวลทั่ว ๆ ไป ซึ่งต่อยอดจากภาคก่อนด้วยวิธีที่ถูกต้องทั้งหมด ทำได้เยี่ยมจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจะรู้สึกว่าเกมสนุกกว่ากันมากเมื่อได้เล่นกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพราะฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ตัวเกมเพิ่มเข้ามาในภาคสอง จะฉายศักยภาพได้อย่างเต็มที่เมื่อได้เล่นกับเพื่อน…มากกว่าซื้อมาเล่นคนเดียวนั่งแข่งกับคอมพิวเตอร์ไปวัน ๆ น่ะครับ
Pros
- มีความพยายามที่ดีในการเพิ่มโหมดใหม่, ระบบเกมเพลย์ใหม่ ๆ เข้าไปในเกม ทำให้เล่นแล้วรู้สึกว่าต่างจากภาคแรกขึ้นมานิดหน่อย
- โหมดเนื้อเรื่องทำได้ดี เหมือนดูอนิเมะ แถมมันยังช่วยให้รู้สึกว่า “มีอะไรให้ทำ” มากขึ้น
- กราฟิกยังคงสวยงามเหมือนเดิม โดยเฉพาะโมเดลรถเหล็กแต่ละคัน แถมมีปริมาณรถในเกมมากถึง 130 คัน
Cons
- ถึงจะมีการเพิ่มฟังก์ชันการกระโดด, กระแทกข้าง เข้ามาก็จริง แต่ด้วยความที่เกมนี้เล่นง่ายมาก ๆ สุดท้ายก็ไม่ค่อยได้ใช้กลยุทธที่ควรจะเป็นจากสองฟังก์ชันดังกล่าว แค่ขับไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางบ่อย ๆ ก็ชนะได้อยู่ดี
- จากเหตุผลข้างบน ทำให้เกมนี้เหมาะกับใช้เล่นกับเพื่อน ๆ เพราะถ้าซื้อมาเล่นคนเดียว อาจจะเบื่อเร็ว หรือถ้ามีภาค 1 อยู่แล้วก็อาจยังไม่คุ้มค่าถ้าจะซื้อเพิ่มมาอีกเกม