พรีวิวเดโม Yasha: Legends of the Demon Blade
ถึงจะมีตัวอย่างโชว์ในช่องเกมใหญ่ ๆ อย่าง Playstation ให้เห็นกันมาแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะเพิ่งได้ยินชื่อเกมนี้ไม่นาน ดีไม่ดีเพิ่งจะมาได้ยินเอาจากพรีวิวนี้นี่แหละ
เอาแบบรวบรัดจำกัดความเลยแล้วกัน นี่คือเกมแนว Roguelike จากทีมพัฒนาสัญชาติไต้หวัน ที่จะให้คุณได้ออกผจญภัยไปในดินแดนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากญี่ปุ่นยุคเอโดะ ตามรอยตำนานขออง Yasha ตัวตนที่เคยนำพาความสมดุลของมนุษย์และปิศาจให้อยู่ร่วมกันได้แบบไม่เบียดเบียนกันมากนัก เรื่องราวของ Yasha เลือนหายไปพร้อมกับตัวตนของเขา จนกระทั่งตัวเอกทั้ง 3 ได้พบกับการปรากฏตัวของจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งมาพร้อมกับจุดประสงค์อันลึกลับและรอคอยให้เราได้ออกตามหาคำตอบที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกคนและปิศาจไปตลอดกาล
ส่วนที่โดดเด่นของเกมนี้ก็คืองานอออกแบบเกมเพลย์ครับ ถึงมันจะไม่ใช่เกม Roguelike ที่ฉีกขนบอะไร แต่ด้วยความที่เขาให้เลือกเล่นตัวละครเอกได้ 3 ตัว แล้วเขาทำให้ทั้ง 3 มีจุดเด่นของตัวเองชัดเจน Shigure จะเป็นนินจาที่สลับดาบได้สองแบบในเวลาเดียวกัน ส่วน Sara คือดาบคู่เตี้ยแบนจากขุมนรกที่อาศัยความรวดเร็วในการดับชีพคู่ต่ออสู้ และปิศาจซามูไร Taketora พรี่เสือพลแม่นธนู (แต่ต่อยแรงชิบหอย…) จะโจมตีระยะไกลได้และระยะประชิดก็เอาเรื่อง แลกกับการที่เคลื่อนไหวช้าที่สุดจากทั้ง 3 คน
จากที่ลองมาครบ เกมทำได้ดีในส่วนการออกแบบเพลย์สไตล์ตัวละครให้ต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้ 3 ตัวละครนี้ดูเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยังไปไม่สุดทาง นั่นคือระบบเคาน์เตอร์ศัตรูซึ่งเป็นเมคะนิกสำคัญที่มีใน 3 ตัวละคร และมันดันมีวิธีใช้งานเหมือนกัน คือรอจังหวะที่ศัตรูใกล้โจมตีแล้วกดใช้ท่าพิเศษ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไป แต่ในเมื่อมันเปิดการใช้งานเหมือนกัน ถ้ามองในแง่ดีก็คือผู้เล่นไม่ต้องสับสนมากเวลาจะสลับตัวไปมา ส่วนในด้านลบก็อย่างที่บอกคือมันทำให้ความแตกต่างของตัวละครมันฉีกไปไม่สุด
ยังดีที่งานแอนิเมชัน งานซาวด์ งานเอฟเฟ็กต์เขาถึง มันเลยทำให้การออกลีลาวาดดาบปิศาจมันดูสวยงาม เล่นไปด้วยดูไปด้วยเพลิน ๆ
รูปแบบการเล่นก็คือการตะลุยด่านคล้ายเกม Hades ที่แต่ละด่านคุณก็ต้องเก็บศัตรูให้เกลี้ยง แล้วรับการอัปเกรดกับไอเท็มเพิ่มเติมก่อนจะเข้าประตูถัดไป การอัปเกรดที่ว่ามันก็จะออกแบบมาให้เข้ากับตัวละครที่เราเลือกครับ อย่างการทำให้ Taketora ยิงธนูแรงขึ้น หรือลูกเล่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาวุธทั้งสามคน
และอย่างที่หลายคนน่าจะคาดเดาได้ว่า เกมนี้ตายแล้วต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น การอัปเกรดที่ได้ตามทางหายหมด แต่การกลับมาแต่ละรอบเราก็จะเอาผลึกวิญญาณที่เก็บได้มาอัปค่าสถานะที่จะทำให้ตัวละครเราเก่งขึ้นแบบถาวร เช่น การเดินผ่านเข้าประตูแล้วได้รับ HP เพิ่ม ก็ตามสูตรของ Roguelike นั่นล่ะครับ
อีกอย่างที่ขอชมคืองานบอสไฟต์ ในเดโมนี้ผมเจอหลัก ๆ 3 ตัว ถ้าไม่นับตัวแรกที่ถือเป็นการลองมือผู้เล่น อีก 2 ตัวที่เหลือที่เป็นหมึกยักษ์และหมาเฝ้าศาลสอบผ่านหมด ทั้งในแง่ของงานออกแบบกับท่าโจมตีที่มีความหลากหลาย และอาจทำให้หลายคนรู้สึกว่ามันยากในตอนแรก ๆ เพราะมันค่อนข้างเคลื่อนไหวเร็ว ตอบสนองไม่ทันก็ได้กลับไปเริ่มใหม่แน่นอน
ถ้าจะมีจุดที่ทำให้ผู้เล่นถอดใจก็คือ ความยากของมันนี่ล่ะ ในฐานะเกม Roguelike เกมนึง มันไม่ใช่เกมง่ายขนาดหลับหูหลับตาฟันได้ และคิดว่าฉากต่อ ๆ ไปหลังจากในเดโมคงโหดขึ้นกว่านี้
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ไม่ต้องมาปิดบังกัน เพราะขายตั้งแต่ในตัวอย่างก็คือ ความเสวของตัวละคร อาร์ตสไตล์ของตัวเอกทั้งสามมีความโดดเด่นและมีเป้าหมายผู้เสพชัดเจน ตัวละครหลักตัวอื่นอย่างจิ้งจอกเก้าหางก็ยังไม่รอด ถ้าใครคิดว่าการเล่นเกมมันจะต้องตอบสนองแฟนตาซีของรูปลักษณ์ด้วย ถ้าคุณรู้สึกติดตาติดใจ 3 ตัวละครหลักในตัวอย่าง ผมก็แนะนำเกมนี้ได้เลยเพราะเขาดูตั้งใจวาดออกมาเพื่อให้คุณเอาไปใช้ต่อยอดจินตนาการนั่นแหละ
ถ้าจะมีจุดติดขัดก็คือเรื่องของการนำเสนอหรือวิธีเล่าของเกมนี้ครับ ในด้านหนึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นเกมที่ทุนอาจจะไม่สูงนัก ทำให้เวลาเกมจะเล่าถึงเหตุการณ์บางอย่างเขาจะแช่โมเดลในเกมกับฉากไว้เป็นพื้นหลัง พูดง่าย ๆ เหมือนภาพในเกมถูกทำเป็นแบกกราวด์เฉย ๆ แล้วใช้งานวาดมาเล่าเรื่องแทน แต่ทีมงานเขาก็พยายามใส่ลูกเล่นกับงานอาร์ตเต็มที่ครับ เช่น การเปลี่ยนอาร์ตให้เข้ากับอารมณ์และบทสนทนาของตัวละครในตอนนั้น หรืออการทำให้งานอาร์ตมันเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะของสถานการณ์ ซึ่งมันก็ช่วยได้ในระดับนึง
ส่วนที่น่าห่วงอีกอย่างก็คือเนื้อเรื่อง เพราะถึง 3 ตัวละครจะเจอด่านต่าง ๆ เหมือนกัน แต่แรงผลักดันให้ออกผจญภัยกับบทสนทนาไม่เหมือนกันเลย เขาจะแบ่งบทยังไงให้ไม่รู้สึกว่าตัวละครบางตัวถูกทิ้ง บางตัวถูกให้ความสำคัญมากเกิน อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องรอดูในตัวเกมเต็ม
สรุปแล้ว Yasha: Legends of the Demon Blade “ดูทรง” จะเป็นเกมแนว Roguelike ที่หลายคนควรทดเอาไว้ในใจ ถ้าคุณชอบเกมแนวนี้ มีข้อกังวลแค่เขาจะคงคุณภาพที่เจอในเดโมไปจนสุดทางได้มั้ย แล้วเกมจะยาวมากพอรรึเปล่า อีกอย่างก็คือถ้าใครชอบอาร์ตสไตล์ที่มันตอบสนองจริตและรสนิยมบางอย่างในตัว จะทั้งเล่นทั้งเสพได้ทั้งนั้น