ตัวอย่างเช่น เกรตเซเบอร์แคต (Great Sabrecat) ที่มีเขี้ยวแหลมคม เมื่อผสมกับการูดา (Garuda) ที่เป็นนก ก็จะกลายเป็นมิสซิงลิงซ์ (Missing Lynx) ที่มีลักษณะเป็นเกรตเซเบอร์แคตที่เขี้ยวแหลมคมและมีปีกเพิ่มขึ้นมา!
การได้มาซึ่งพรสวรรค์
มอนสเตอร์แต่ละตัวจะมาพร้อมกับอย่างน้อยหนึ่งพรสวรรค์ ซึ่งเป็นเซ็ตของเวทมนตร์และความสามารถที่คุณจะค่อย ๆ ปลดล็อกออกมาได้โดยการใช้แต้มพรสวรรค์ที่มอนสเตอร์แต่ละตัวจะได้รับมาเมื่อเลเวลอัปหรือด้วยวิธีการอื่น ๆ โดยที่พรสวรรค์นั้นจะแบ่งกว้าง ๆ ออกเป็นสามหมวดด้วยกัน และแต่ละหมวดก็จะมีการผสมผสานของสกิล, เวทมนตร์, การเพิ่มค่าพลังและอีกมากมาย เมื่อมีการผสมมอนสเตอร์ใหม่ขึ้นมาก็จะกำเนิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่แฝงอยู่ แต่ก็ยังสามารถสืบทอดพรสวรรค์จากผู้ให้กำเนิดได้เช่นกัน การเข้าใจระบบนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างมอนสเตอร์อันทรงพลัง
ในเกมนี้จะมีพรสวรรค์ให้คุณได้ค้นหามากมาย บ้างก็จะมีเวทฟื้นฟูที่ช่วยให้รอดชีวิต บ้างก็เปลี่ยนมอนสเตอร์ของคุณให้กลายเป็นสิ่งที่โจมตีได้อย่างดุดันหรือไม่ก็ดูดซับความเสียหายได้มากมาย พรสวรรค์บางส่วนก็ตั้งชื่อตามมอนสเตอร์ที่หลายคนคุ้นเคยอีกด้วย…
พรสวรรค์ “Cure-All”
ด้วยเวทฟื้นฟูอันเข้มข้นอย่างเช่น Multiheal และ Omniheal, รวมถึง Zing เพื่อชุบชีวิตเพื่อนร่วมทีมและยังมี Kabuff ที่เสริมพลังป้องกันอีก พรสวรรค์นี้ถือเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับฮีลเลอร์ประจำปาร์ตี้ของคุณ
พรสวรรค์ “The Dragonlord”
โจมตีด้วยลมหายใจเปลวเพลิงอันร้อนแรง อย่างเช่น Inferno และ Hellitosis, และยังมี Burning Breath และ Wave of Panic, ผสมกับเวทอย่าง Moreheal และ Kasizzle จึงทำให้ ‘The Dragonlord ‘ เป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวสมชื่อ
พรสวรรค์ประจำตระกูล
มอนสเตอร์แต่ละประเภทจะมีพรสวรรค์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นความสามารถแฝงที่สามารถเพิ่มค่าพลังหรือไม่ก็ขัดจังหวะศัตรูได้ พรสวรรค์ใหม่ ๆ จะปลดล็อกโดยอัตโนมัติเมื่อมอนสเตอร์ของคุณมีเลเวลถึงที่กำหนด โดยที่ขนาดของมอนสเตอร์จะส่งผลต่อพรสวรรค์ที่มี ยิ่งมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ก็จะมีพรสวรรค์ที่มากขึ้น
ขนาดและแรงก์ของมอนสเตอร์
ในเกม DRAGON QUEST MONSTERS: The Dark Prince นี้ มอนสเตอร์จะมีด้วยกันสองขนาด เล็กหรือไม่ก็ใหญ่ มอนสเตอร์ขนาดเล็กจะใช้เนื้อที่เพียงสล็อตเดียวในทีม ส่วนมอนสเตอร์ขนาดใหญ่จะใช้สองสล็อต นั่นแปลว่าคุณจะจัดทีมมอนสเตอร์ขนาดเล็กได้ทั้งหมดสี่ตัว หรือไม่ก็ขนาดใหญ่สองตัว หรือไม่ก็ตัวเล็กสองตัวและตัวใหญ่หนึ่งตัว ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์ขนาดใหญ่จะมีค่าพลังที่สูงกว่าขนาดเล็กเท่านั้น แต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้หลายครั้งต่อหนึ่งรอบของการต่อสู้ด้วย
นอกเหนือไปจากขนาดตัวแล้ว มอนสเตอร์ยังมีด้วยกันทั้งหมด 9 แรงก์นั่นคือ G, F, E, D, C, B, A, S หรือ X, ซึ่งเรียงจากต่ำสุดไปสูงสุด แรงก์นี้จะมาพร้อมกับประเภทของมอนสเตอร์และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในบรรดามอนสเตอร์แรงก์ S นั้นคุณจะได้พบกับเหล่าตัวร้ายที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากซีรีส์ แต่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงจะมีแค่ในแรงก์ X
มาทดสอบฝีมือในลานประลองแห่งสองโลก!
เมื่อการผจญภัยของปิซาโรดำเนินไป จะมีลานประลองสองแห่งให้คุณได้ทดสอบฝีมือของมอนสเตอร์ นั่นคือเอ็นดอร์โคลอสเซียม (Endor Colosseum) ในโลกมนุษย์เทอร์เรสเทรีย (Terrestria) และมอลลอสเซียม (Maulosseum) ในดินแดนแห่งมอนสเตอร์นาดิเรีย (Nadiria) คู่ต่อสู้ในลานประลองแต่ละแห่งล้วนแต่เป็นผู้ควบคุมมอนสเตอร์ระดับสูง คุณจะสามารถเอาชนะทุกคนได้เพื่อรวบรวมกองกำลังไปโค่นล้มเจ้าแห่งมอนสเตอร์ได้หรือไม่?
เหล่าผู้ที่คุ้นเคยจาก DQXI และมอนสเตอร์หน้าใหม่ให้ค้นหา
DRAGON QUEST MONSTERS: The Dark Prince จะมีมอนสเตอร์กว่า 500 ตัวให้คุณผูกมิตร ซึ่งก็รวมถึงแจสเปอร์ อันบาวด์ (Jasper Unbound) และคริสตาลินดา (Krystalinda) จาก DRAGON QUEST XI: Echoes of an Elusive Age และก็แน่นอนว่าจะมีมอนสเตอร์ใหม่เอี่ยมที่คุณไม่เคยพบด้วยเช่นกัน
แจสเปอร์ อันบาวด์ (Jasper Unbound) อดีตแม่ทัพแห่งอาณาจักรอันโด่งดังผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมิดเพราะความทะเยอทะยานและเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นมอนสเตอร์
คริสตาลินดา (Krystalinda) แม่มดน้ำแข็งผู้ถูกผนึกเอาไว้ในหนังสือต้องห้ามนับตั้งแต่โบราณกาล
เกรตเตอร์ แพลเตอพังก์ (Greater Platypunk) มอนสเตอร์สุดนุ่มฟูจากตระกูลสัตว์อสูรที่ว่ากันว่าเป็นราชาแห่งเหล่าแพลเตอพังก์
แกนเดอร์ (Gander) มอนสเตอร์จากตระกูลสัตว์ปีศาจที่มักปรากฏตัวต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตายเพื่อรับชมวาระสุดท้าย
DRAGON QUEST MONSTERS: The Dark Prince จะวางจำหน่ายบน Nintendo Switch ในวันที่ 1 ธันวาคม 2023