Games Reviews

Dragon Quest Monsters: The Dark Prince – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Dragon Quest Monsters: The Dark Prince – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ

ซีรีส์ Dragon Quest Monsters นั้น เป็นซีรีส์ที่แตกแขนงออกมาจากเกมภาคหลักของ Dragon Quest ซึ่งก็ยังคงใช้ระบบการเล่นแบบสไตล์ RPG ที่ใกล้เคียงกับซีรีส์หลักครับ ประวัติของซีรีส์นี้ก็ยาวนานไม่เบาเหมือนกันเพราะนับตั้งแต่ที่ภาคแรกวางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันนี้ อายุของซีรีส์ก็ปาเข้าไป 25 ปีแล้ว ซึ่งภาคล่าสุดในชื่อว่า The Dark Prince ก็คือเกมที่ผมจะมาพูดถึงกันในวันนี้ครับ


เนื้อเรื่อง

สำหรับ Dragon Quest Monsters: The Dark Prince ในคราวนี้ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นปิซาโร (Psaro) ปีศาจผู้มีพ่อเป็นเจ้าแห่งมอนสเตอร์แรนดอลโฟ (Randolfo) และมีแม่เป็นหญิงสาวชาวมนุษย์ ตัวเขานั้นใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากในฐานะลูกครึ่ง และในวันที่แม่ของเขาล้มป่วย เขาก็ได้บากบั่นไปหาผู้เป็นพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับโดนผลักไสและโดนสาปให้ไม่อาจทำอันตรายใด ๆ กับมอนสเตอร์ได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งมั่นที่จะพิชิตพ่อของตนในฐานะผู้ควบคุมมอนสเตอร์แทนนั่นเอง

ผมคิดว่าความน่าสนใจของเรื่องราวในครั้งนี้ก็คือการที่เราได้เล่นเป็นปิซาโร ผู้ที่เดิมทีอยู่ในฐานะของ “บอสใหญ่” ประจำ Dragon Quest IV ครับ ในภาคหลักนั้นปิซาโรจะมีบุคลิกลักษณะนิสัยที่เกลียดชังมนุษย์ มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ที่ไปบุกทำลายบ้านเกิดของผู้กล้าซะราบคาบ เลยเป็นการผูกปมแค้นกันขึ้นมา ซึ่งในภาคนี้ก็เป็นการอ้างอิงโครงเรื่องมาจากภาคหลักตามที่ทราบกัน แต่ว่ามีการปรับเปลี่ยนบทใหม่ รวมถึงการปูภูมิหลังของปิซาโรให้มากขึ้น

ถึงอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าเกมนี้มันก็ไม่เชิงว่าต้องการจะมาเป็นภาคเสริมให้กับ DQIV แต่อย่างใด และดูจะตั้งใจให้เป็นภาคแสตนด์อโลนมากกว่าครับ คือคุณไม่ต้องเคยเล่นหรือรู้เรื่องราวของ DQIV มาก่อนก็เล่นภาคนี้รู้เรื่อง เพราะแม้ว่าเซ็ตติ้งจะเหมือนกัน แต่พอถึงจุดนึงนี่ The Dark Prince ก็เลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวในแบบที่ต่างออกไปจากตัวเกมภาคหลักไปเลยโดยสิ้นเชิง ภาคนี้เลยมีลักษณะเหมือนเป็นจักรวาลคู่ขนานไปมากกว่าที่จะเป็นภาคเสริมครับ

หากว่าใครต้องการเรื่องราวที่มาเติมเต็มภาค DQIV ก็อาจจะแอบเซ็งนิดหน่อย แต่ถ้ามองว่ามันเป็นเรื่องราวในอีกรูปแบบหนึ่งของ DQIV ล่ะก็มันก็พอไปวัดไปวาได้อยู่ครับ


เกมเพลย์

สำหรับระบบการเล่นใน The Dark Prince นี้จะมีรูปแบบการเล่นและระบบการต่อสู้ที่ไม่ต่างจากภาคหลักมากนัก นั่นคือเป็นระบบเทิร์นเบสที่เราต้องเลือกคำสั่ง เลือกใช้ความสามารถให้กับสมาชิกในปาร์ตี้เพื่อโจมตีศัตรู หรือเพื่อสนับสนุนสมาชิกในปาร์ตี้ แต่สิ่งที่จะต่างไปก็คือปิซาโรจะไม่ได้เป็นคนสู้เอง แต่ต้องเลือกใช้บรรดามอนสเตอร์ทั้งหลายที่มีหลายร้อยแบบมาต่อสู้ครับ

ดังนั้น ระบบการผสมมอนสเตอร์จึงเป็นหัวใจสำคัญมาก ๆ สำหรับภาคนี้ เพราะหากคุณยึดติดอยู่กับมอนสเตอร์บางตัวหรือใช้มอนสเตอร์ชุดเดิม ๆ ล่ะก็ถึงจุดนึงคุณจะเจอกำแพงในการเล่นแน่นอน เกมจึงบังคับกลาย ๆ ให้คุณต้องคอยผสมมอนสเตอร์ใหม่ ๆ ที่มีแรงก์สูงขึ้นและมีสกิลดีขึ้นกว่าเดิมเสมอ ๆ โดยระบบผสมมอนสเตอร์นี้ก็มีข้อจำกัดอยู่นิดหน่อยตรงที่ว่ามอนสเตอร์ใหม่ ๆ ที่คุณผสมได้มาจะยังไม่สามารถนำไปผสมต่อเนื่องได้เลย แต่ต้องเก็บเลเวลของมันให้ถึง 10 เสียก่อน ก็เลยเป็นการกำหนดให้ผู้เล่นต้องนำเอามอนสเตอร์ไปต่อสู้ไปเก็บเลเวลอยู่เหมือนกัน

ลูปการเล่นหลัก ๆ จึงจะมีลักษณะที่ว่าพอคุณผสมตัวไหนออกมาได้ คุณก็พามันไปวิ่งเล่นเก็บเลเวลจนถึงกำหนด (หรือจะเก็บมากกว่านั้นเพื่อเอาแต้มสกิลก็ได้) แล้วถ้าตัวนั้นมันใช้ดีคุณก็ติดมันอยู่ในปาร์ตี้ได้ยาวหน่อย แต่ถ้าไม่ดีก็ลองมาเลือกหาตัวใหม่ผสมต่อไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่มอนสเตอร์ซึ่งเราผสมได้ทุกตัวจะเริ่มต้นที่เลเวล 1 หมด มีเพียงแค่สกิลที่สืบทอดมาจากตัวพ่อและแม่เท่านั้นที่คุณจะไม่ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ หลายครั้งมันเลยทำให้ตัวเกมช้าแบบไม่จำเป็นเพราะต่อให้คุณผสมตัวดี ๆ ออกมา แต่การที่มีเลเวล 1 มันก็ไม่พอที่จะนำออกไปบู๊ได้ทันทียิ่งถ้าเป็นดันเจี้ยนหลัง ๆ ครับ มันเลยให้ความรู้สึกเหมือนคุณต้องมานั่งเก็บเลเวลซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกครั้งที่ผสมตัวใหม่ออกมาได้

แล้วถามว่านอกจากการผสมแล้ว เราสามารถชักชวนมอนสเตอร์เป็นพวกได้ด้วยวิธีอื่นอีกไหม? ก็มีอยู่ครับ ถ้าคุณต่อสู้กับมอนสเตอร์ตามทางแล้วชนะ บางทีมันก็จะขอเข้าเป็นพวกหลังจบการต่อสู้ หรือในระหว่างการต่อสู้คุณเลือกจะชวนมันเลยก็ได้และเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับความเก่งของปาร์ตี้คุณ (แต่ถ้าชวนไม่สำเร็จมันจะโกรธ) สุดท้ายก็คือบางทีคุณจะเจอไข่มอนสเตอร์ตามฉากที่จะทำให้คุณได้มอนสเตอร์มาฟรี ๆ แต่จะเป็นตัวอะไรก็สุดแท้แต่

องค์ประกอบหนึ่งของเกมที่ผมคิดว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างโอเคก็คือฉากแต่ละฉากครับ เกมนี้จะแบ่งแผนที่ออกเป็นแต่ละเซอร์เคิลในดินแดนนาดิเรีย (Nadiria) ซึ่งแต่ละเซอร์เคิลก็จะแบ่งออกเป็นทั้งหมดสามชั้นด้วยกัน การดำเนินเรื่องราวก็คือคุณไปแต่ละเซอร์เคิลจากนั้นก็ปราบบอสประจำเซอร์เคิลนั้น ๆ เมื่อคุณเคลียร์ชั้นล่างครบ เนื้อเรื่องก็จะเริ่มเปิดชั้นกลางให้คุณได้ลุยต่อในลักษณะแบบนั้น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมอยากชมก็คือการดีไซน์พื้นที่แต่ละเซอร์เคิลให้ต่างกันไปตามฤดูกาลสี่ฤดูของเกม ความแตกต่างหลัก ๆ ของแต่ละฤดูก็คือมอนสเตอร์ที่คุณจะได้เจอ และการเข้าถึงในบางพื้นที่ เช่น คุณอาจเห็นกล่องสมบัติที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำแต่คุณข้ามไปไม่ได้ พอเข้าฤดูหนาวแล้วน้ำก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็งให้คุณเดินข้ามไปเก็บไอเท็มได้ เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้น ผมคิดว่าดันเจี้ยนแต่ละจุดก็ดีไซน์ออกมาได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เบาเหมือนกัน แต่ละดันเจี้ยนจะมีกิมมิคและลูกเล่นบางอย่างที่ผู้เล่นจะต้องไขปริศนาเพื่อไปต่อ และส่วนมากจะไม่ซ้ำกันครับ ดันเจี้ยนนึงคุณอาจต้องกดสวิตช์เพื่อหมุนพื้นทางเดินให้คุณสามารถไปต่อได้ อีกดันเจี้ยนนึงคุณอาจต้องดูทิศทางของพื้นเลื่อนให้ดีเพื่อไปยังจุดที่ต้องการ ฯลฯ

โดยรวมแล้วตัวเกมก็เล่นได้เพลิน ๆ อยู่ เพียงแต่ว่าถ้าใครอยากได้เกมที่มีระบบอะไรหลากหลายซับซ้อนมากมาย ก็อาจจะผิดหวังไปสักหน่อยครับ เพราะภาพรวมเกมก็คือการที่คุณไปยังที่ใหม่ ผสมมอนสเตอร์ใหม่ สู้บอส แล้วก็ไปที่ใหม่ต่อ ฯลฯ เท่านั้นตลอดเกม


กราฟิกและการแสดงผล

สำหรับเกมนี้ ผมค่อนข้างชอบกับการออกแบบแต่ละพื้นที่ในเกมไม่เบาครับ เพราะทุกที่นั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากกันแบบชัดเจน และแม้จะเป็นเซอร์เคิลเดียวกันแต่อยู่คนละชั้นก็ยังมีความแตกต่างในตัวมันเองอยู่พอควร มันเลยทำให้การเดินทางไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ นั้นดูไม่น่าเบื่อ

ถึงกระนั้นตัวเกมก็มีปัญหาเรื่องการแสดงผลบ่อย ๆ ตลอดเกมครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เดินทางในพื้นที่เปิดกว้างของแต่ละเซอร์เคิลที่เฟรมเรตจะหล่นวูบเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด แน่ล่ะว่าด้วยความที่ตัวเกมเป็นเทิร์นเบส เฟรมเรตก็เลยไม่ได้เป็นปัญหากับเกมมากนัก แต่มันก็แอบขัดใจไม่ได้อยู่ดีครับ


งานเสียง

ในส่วนของเพลงประกอบนั้น ใครที่เคยเล่นซีรีส์ Dragon Quest มาก่อนก็น่าจะชอบได้ไม่ยากเพราะเพลงหลัก ๆ ในเกมภาคนี้ก็เป็นเพลงที่หลายคนคุ้นเคยกันดีจากซีรีส์ทั้งนั้น พวกเสียงเอฟเฟกต์ตอนใช้เวท เสียงตอนชนะการต่อสู้ ฯลฯ ก็เป็นเสียงที่คนเคยเล่นมาน่าจะหลับตาแล้วนึกออกกันหมด ส่วนของเสียงพากย์เองก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานในแบบเดียวกับเกมซีรีส์ Dragon Quest ภาคหลัง ๆ ครับ


สรุป

Dragon Quest Monsters: The Dark Prince ก็ถือเป็นภาคสปินออฟอีกภาคหนึ่งที่ทำออกมาเล่นได้เพลิน ๆ หากคุณชอบเนื้อหาและเรื่องราวใน DQIV ก็จะสนุกไปกับการตีความเนื้อหาใหม่ได้ และแม้จะไม่เคยเล่นมาก่อนก็ทำความเข้าใจเนื้อหาได้ไม่ยาก เพียงแค่ว่าลูปเกมเพลย์มันอาจจะชวนให้รู้สึกซ้ำซากไปสักหน่อยครับ

The Review

70% มุ่งมั่นโค่นบิดา แสวงหามอนสเตอร์แข็งแกร่ง

70%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์