รีวิว The Elder Scrolls IV: Oblivion Remastered
*ขอขอบคุณ Bethesda Game Studios สำหรับโค้ดเวอร์ชัน PC เพื่อการรีวิว
The Elder Scrolls IV: Oblivion คือเกมที่ผมเคยตัดสินใจประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่เพื่อเอาไว้เล่นเกมนี้โดยเฉพาะเมื่อปีพ.ศ.2549 จำได้ดีเลยครับ ตอนนั้นผมนั่งรถเมล์ไปซื้อที่พันทิพย์ (เมื่อครั้งยังรุ่งเรือง) ขากลับ ๆ แท็กซี่แล้วเจอฝนถล่มด้วย…ทุลักทุเลดีชะมัด แต่สุดท้ายก็ได้เล่นเกมนี้สมใจ ถ้าให้ย้อนกลับไปให้คะแนนรีวิว ก็ต้อง 10/10 อ่ะครับสำหรับเกมเวอร์ชันต้นฉบับ ซึ่งถือเป็นเกมที่ดีที่สุดในยุคสมัยนั้น
โดยมีจุดเด่นที่การนำเสนอโลกเกม RPG โอเพ่นเวิลด์ในมุมมองผสม มีทั้งแบบ FPS และ TPS ที่มีการควบคุม, ระบบเกมการเล่น ดีที่สุดในยุคนั้นแล้ว!
ต้องเข้าใจนะครับ สมัยก่อนเกมที่ทำได้ระดับนี้มันแทบไม่มีเลย แต่ถ้าจับมาเทียบกับเกมในยุคนี้ มันก็เทียบกันไม่ได้แน่ ๆ ดังนั้นอย่าหาทำ จงเข้าใจว่ามันคือเกมเก่า แต่ถึงจะเก่าก็เป็นเก่าระดับตำนานของวงการ
จากนั้นเวลาล่วงเลยมายาวนาน ทางค่าย Bethesda Game Studios ก็ซุ่มทำเซอร์ไพรส์ ประกาศโพล่งออกมาว่า ได้เข็นเกม The Elder Scrolls IV: Oblivion เวอร์ชัน Remastered สำหรับ Xbox Game Pass, Xbox Series X|S, PlayStation 5 และ PC มาให้ได้เล่นกันไปเมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทีมงานของเราก็ได้ทดสอบเล่นเกมกันไปแล้ว ต่อไปนี้คือความรู้สึกและความประทับใจหลังเล่นครับผม
ก่อนอื่น ต้องทราบกันก่อนว่า ตัวเกมรีมาสเตอร์นี้เป็นฝีมือการพัฒนาของ Virtuous ที่รับงานมาจากค่าย Bethesda อีกที โดยจับเกมต้นฉบับมาทำให้ทันสมัยด้วยระบบการเล่นที่ปรับปรุงใหม่ และภาพทั้งหมดที่ทำใหม่ให้ตระการตาในความละเอียด 4K และ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่เนื้อเรื่องยังคงแบบเดิมไว้เป๊ะ ๆ กล่าวคือ เราต้องไปยับยั้งกองทัพ Oblivion ไม่ให้ยึดครองดินแดนในเกม แถมด้วยส่วนเสริมเนื้อเรื่อง The Shivering Isles และ Knights of the Nine ก็มัดรวมมาให้แล้วในแพ็กเกจเดียวกันนี้
เมื่อเริ่มแรกเข้าสู่เกม สิ่งที่ผมได้เห็นในช่วง prologue ก็ทำให้ผมเข้าใจทันทีถึงคำพูดนึงจากทีมงาน Virtuous ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ที่ไหนซักที่แล้วผมไปอ่านเจอ กล่าวคือ พวกเขาทำงานนี้โดยตั้งใจให้ตัวเกมต้นฉบับเป็นเหมือนมันสมอง ส่วนการรีมาสเตอร์ของพวกเขาก็คือการสร้างอวัยวะอื่น ๆ ที่เหลือ เพื่อประกอบให้เป็นคนเต็มคน เป็นเกมเต็มเกมสำหรับยุคสมัยใหม่
เพราะ เกม Oblivion Remastered มันเล่นเหมือนเดิมเป๊ะเลยครับ ไล่ไปตั้งแต่ดีไซน์ของเมนู หน้าจออ็อปชัน และเมนูตัวเลือกต่าง ๆ ไปจนถึงการดำเนินเรื่อง การบังคับควบคุมตัวละคร การต่อสู้ การใช้เวทมนตร์ ฯลฯ เรียกได้ว่า ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยน
แต่ที่แตกต่างจากเดิมแน่ ๆ ก็คือ คุณภาพกราฟิก รายละเอียดของทุกสิ่งอย่างในฉากรวมทั้งตัวละคร ซึ่งดูก็รู้เลยว่านี่เป็นการ “ทำทั้งหมดขึ้นมาใหม่” ไม่ใช่แค่การอัปสเกลจากโครงของเกมดั้งเดิม เขาปั้นทุกอย่างใหม่หมดเลยครับ เหมือนเป็นเกมสร้างใหม่นั่นแหละ แต่ทำให้มันเล่นตามต้นฉบับของ Oblivion นั่นเอง…เก็ตเนอะอธิบายแบบนี้
พอมาเป็นแบบนี้แล้ว ความดีงามของมันก็คือ ด้วยความที่มันเป็นต้นตำรับแรก ๆ ของเกมโอเพ่นเวิลด์แบบสามมิติสมจริง ดังนั้น การสร้างโลกที่มีดีเทลมากขึ้น เหมือนจริงยิ่งขึ้น ก็ยิ่งทำให้ Oblivion มันสมบูรณ์แบบตรงตามจุดประสงค์ของตัวเกม คนเล่นทั้งเก่าและใหม่ จะสามารถท่องไปในดินแดน Cyrodiil ได้อย่างน่าประทับใจกันแบบสุด ๆ เล่นแล้วน้ำตาจิไหล 555 คือของเดิม(ในสมัยนั้น) เกมมันก็สวยแล้วนะครับ แต่พอเขารีมาสเตอร์มาคราวนี้ มันยิ่งดูน่าเชื่อถือ เล่นแล้วอินมากกว่าเก่าเป็นสิบเท่า
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวของทีม Virtuous มันก็ดูเป็นดาบสองคมในเวลาเดียวกัน เพราะการยึดโยงกับต้นฉบับมากเกินไป ส่งผลให้ระบบเกมและการออกแบบบางอย่างในเกมมันดูล้าสมัย และไม่ได้ช่วยยกระดับประสบการณ์ให้กับผู้เล่น อย่างที่มันควรจะเป็น ยกตัวอย่างเช่น การเดินเหินของตัวละครกับการต่อสู้ด้วยอาวุธฟาดฟัน มันดูลอย ๆ เบา ๆ ไม่มีน้ำหนัก ไม่ค่อยสมจริง และถ้าเอาไปเทียบกับเกมใหม่ ๆ ในยุคนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ สู้เขาไม่ได้แน่นอน ตรงจุดนี้ผมไม่เห็นประโยชน์ในการอนุรักษ์ของเก่าเท่าไหร่ น่าจะรื้อทำใหม่ให้มันดี ๆ ไปเลยจะดีกว่าครับ
อีกเรื่องคือการออกแบบหน้าตาตัวละคร ซึ่งผมสงสัยในการทำงานส่วนนี้ของทีมงานมาก ๆ ว่าเขาคุยกันเองบ้างหรือเปล่า เพราะตัวละครสำคัญเท่านั้น ที่มีหน้าตาเป็นผู้เป็นคน พวกตัวประกอบที่เหลือทั้งหมดจะหน้าตาประหลาด ๆ แบบตัวการ์ตูน beavis and butthead โดยเฉพาะพวกเอลฟ์ แต่กลับกัน ถ้าเป็นเผ่าลูกครึ่งสัตว์ อย่างพวก Argonian หรือ Khajiit จะเคาะกันออกมาแบบดีเทลละเอียดยิบ อ้อ แล้วหากคุณเลือกสร้างตัวละครเผ่ามนุษย์โดยใช้ตัวเลือกแบบสุ่ม ทุกตัวจะโผล่มาแบบแต่งหน้าทาปากฉูดฉาดจัดจ้านไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตาม และออกแนวตัวตลกละครสัตว์มากกว่าจะเป็นตัวละครเท่ ๆ ฮีโร่ ๆ ให้เราเลือกใช้ ก็ไม่รู้ว่าทีมงานเขาคิดอะไรกันอยู่นะครับ
ประเด็นสุดท้าย เนื่องด้วยตัวเกมผลิตมาในลักษณะกึ่ง ๆ ของสะสมทรงคุณค่า กึ่ง ๆ เกมแนะนำตัวสำหรับผู้เล่นเจนฯ ใหม่ (ก่อนที่จะโดนตกเพื่อไปร่วมกันรอเกม The Elder Scrolls 6 ในอนาคต) ทำให้เกมนี้มีตัวช่วยผู้เล่นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบ ฟาสต์แทรเวล ได้ทุกที่ตั้งแต่ต้นเกม! ใช่แล้วครับ คุณสามารถกดวาร์ปไปยังลูกศรภารกิจที่ปรากฏบนฉากแผนที่ได้เลย หากใจร้อนอยากจบเกมเร็ว ๆ แต่ผมบอกเลยว่า เล่นแบบนั้นจะทำให้คุณพลาดความสนุกที่แท้จริงของเกม ๆ นี้ เพราะการเดินทางไปเอง (ทั้งแบบเดินเท้าและขี่ม้า) จะทำให้คุณได้เจอดันเจี้ยนสนุก ๆ มากมายตลอดทาง ซึ่งจะคอยมอบอาวุธและชุดเกราะเจ๋ง ๆ ให้กับคุณได้ใช้หรือเอาไว้ขายหาเงินก็ย่อมได้
สรุป
The Elder Scrolls IV: Oblivion Remastered คือผลงานเกมที่แฟน ๆ RPG ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ผมเองยังมองว่าเขาทำเกมนี้มาเพื่อใช้ CSR หรือคืนกำไรให้กับเกมเมอร์ด้วยซ้ำ เพราะเปิดตัวปุ๊บก็ปล่อยลง PC Game Pass ทันที ไม่กะขายกันเลยว่างั้น แฟน ๆ เกมแค่สมัครสมาชิกร้อยกว่าบาทก็ได้เล่นกันแล้ว ก่อนหน้านั้นก็ไม่มีการโปรโมท ปิดข่าวกันเงียบกริ๊บ ประหยัดงบฯ กันสุด ๆ ไปเลย แบบนี้แทบไม่ต้องคิดมากครับ ไปหาตำกันเถอะ เกมโคตรดีแบบนี้