รีวิว ROAD 96: MILE 0
*ขอขอบคุณ PLAION Limited สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิว
**รีวิวนี้เล่นบน PS5
เมื่อ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางผมและทีมงานไทยเกมวิกิ มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณ Yoan Fanise ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ DigixArt โดยคุณโยอันเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา Road 96 ซึ่งก็ได้เผยแพร่เป็นบทความ “สัมภาษณ์พิเศษ ผู้สร้าง ROAD 96: MILE 0 – พร้อมการพรีวิวช่วงต้นเกม” ให้ได้อ่านกันไปก่อนหน้าแล้ว ย้อนไปติดตามกันก่อนได้ที่ลิงก์นี้ครับ https://thaigamewiki.com/2023/03/01/road-96-mile-0-preview/
มาถึงการรีวิวฉบับเต็มหลังได้ลองเกมเวอร์ชันวางจำหน่ายกันไปแล้ว ซึ่งผมก็พร้อมที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์การเล่นให้ฟังกันดังนี้ครับ
STORY
สำหรับเรื่องย่อสั้น ๆ เกมนี้เล่าถึงเมืองสมมติชื่อ White Sands เป็นเมืองใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาโดด ๆ กลางทะเลทราย มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและชนชั้นอาศัยกันอยู่ที่นี่ ซึ่งเมื่อดูแล้ว ตัวเมืองแห่งนี้ก็คือการฉายภาพจำลองสังคมมนุษย์เรานั่นเองแหละ
โดยเหตุการณ์ในเกมระบุว่า กำลังจะมีพายุทรายขนาดใหญ่ซัดเข้าถล่มเมือง ซึ่งเห็นชัดเลยว่านี่คือสัญลักษณ์แทนเรื่องของอุปสรรคในชีวิตคนเรา อันเป็นเหตุพื้นฐานจากภัยธรรมชาติ, การขาดแคลนปัจจัย 4 ฯลฯ ซึ่งคนชั้นล่าง คนชั้นแรงงาน จะกังวลกับพายุทรายนี้มาก ต่างกับชนชั้นอีลิท คนชั้นสูง ที่ชีวิตอยู่ในอาคารและพื้นที่อันปลอดภัยดีแล้ว จึงไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก อาจมีบ่นกันแค่ คอนเสิร์ตใหญ่กลางใจเมืองจะจัดแสดงกันไม่ได้ ก็เท่านั้น
ใน White Sands จะมีรัฐบาลที่ค่อนข้างเข้มงวด ไม่สนใจสิทธิส่วนบุคคลเพราะความมั่นคง (ตามกล่าวอ้าง) ต้องมาก่อน จึงทำให้บรรยากาศในเกม ดูคล้ายกับนิยาย 1984 พอสมควร
คนเล่นจะติดตามการเดินเรื่องของ โซอี้ และ ไคโตะ สองเพื่อนรักต่างชนชั้นทางสังคม โดยโซอี้มาจากครอบครัวคนผิวขาว ร่ำรวยและอยู่ในชนชั้นปกครอง ส่วนไคโตะเป็นคนเอเชีย ชนกลุ่มน้อยที่มีครอบครัวอยู่ระดับล่าง ๆ ในสังคม
ROAD 96: MILE 0 จะพาคุณไปพบกับการเดินทางของทั้งคู่ ผ่านชุดเหตุการณ์ที่ต้องการ ๆ ตัดสินใจมากมาย ซึ่งผมจะขยายความในหัวข้อถัดไป
GAMEPLAY
หัวใจของเกม ROAD 96: MILE 0 นั้นอยู่ที่ “การเลือกทางเดินชีวิต” ของทั้งสองตัวละคร โดยคุณต้องเลือกตั้งแต่การตัดสินใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตไปจนถึงทางเลือกสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมไปตลอดกาล
ผมเล่นแล้วขอบอกเลยว่า ทุกทางเลือกที่คุณจะได้เจอในเกมนี้หนักหน่วงและ “ซีเรียส” เอาการ ผมหมายถึงว่า เกมมันชวนให้คิดย้อนมาสู่ชีวิตจริงของเราในแทบทุกประเด็นเลยครับ โดยแก่นหลัก ๆ ของมันจะอยู่ที่ คุณจะเลือกจุดยืนไหนในสังคมปัจจุบัน จะเลือกอยู่เฉย ๆ ไม่สนใจปัญหารอบตัวเพราะสถานะทางบ้านดีอยู่แล้ว? จะไปเสี่ยงทำไม? หรือคุณจะเลือก ลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง? เพราะยังไงซะที่เป็นอยู่ก็มีสถานะแทบจะจมดินอยู่แล้ว?
เหล่านี้แหละ คือแก่นแกนสำคัญของ ROAD 96: MILE 0
ทีนี้ถ้าจะให้อธิบายลักษณะของเกมการเล่น ผมขอเล่าอย่างนี้ ก็คือตัวเกมมีการเล่นหลักเป็นการผจญภัยมุมมองบุคคลที่หนึ่ง คุณเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วเมืองเพื่อพบกับปมภารกิจให้ได้คิดได้แก้กัน ซึ่งนอกจากเรื่องการตัดสินใจเลือกอีเวนต์ในเกมแล้ว ตัวเกมใช้ระบบ “มินิเกม” เข้ามาช่วยเยอะมาก ในภารกิจต่าง ๆ
อาทิ การเล่นพัซเซิลต่อวงจรไฟฟ้าเพื่อเปิดล็อคประตูทางเข้า, การหาเบาะแสเพื่อคิดหาพาสเวิร์ด เพื่อใช้ล็อกอินเข้าสู่ข้อมูลสำคัญ ฯลฯ
อีกพาร์ทใหญ่ ๆ ของตัวเกมนี้ก็คือพาร์ทของดนตรี ที่เข้ามามีบทบาทเยอะมากครับ อันนี้ผมเชื่อว่าทางทีมสร้างเกมเขาชื่นชอบศิลปะดนตรีเป็นการส่วนตัวด้วย จึงถ่ายทอดออกมาเป็น มินิเกมการเล่นสเก็ตบอร์ดในโลกแห่งจินตนาการของทั้งโซอี้และไคโตะ
โดยทั้งสองคน จะชอบฟังเพลงเล่นดนตรี เวลามีปมคาใจใด ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเนื้อเรื่องในเกม ทั้งสองจะจินตนาการออกมาเป็นการ “โลดแล่น, ท่องไปในโลกของเสียงเพลง” ซึ่งคุณจะได้ฟังเพลงเพราะ ๆ พร้อมกับบังคับควบคุมตัวละครให้เล่นสเก็ตผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่จำลองมาจากสถานการณ์ในช่วงนั้น ๆ ของเกม
ตรงการเล่นจุดนี้ ผมมองว่า เกมต้องการการทำความเข้าใจและมีส่วนร่วมของคนเล่นอย่างมาก เพื่อจะได้เข้าใจมุมมองของตัวละคร เพราะหากเล่นแบบไม่สนใจเนื้อเรื่องใด ๆ เลย อาจงงกันได้ว่าดูคัตซีนพูดคุยกันอยู่ดี ๆ ทำไมโผล่มาเล่นสเก็ตกันซะงั้น
ART & CREATIVITY
น่าสนใจตรงที่ทาง DigixArt สามารถถ่ายทอดเรื่องราวปัญหาสังคมที่ค่อนข้างจริงจังแบบนี้ผ่านกราฟิกตัวการ์ตูนแบบเด็ก ๆ ได้อย่างกลมกลืน การออกแบบศิลป์ในเกมนี้ทำหน้าที่ของมันได้ดี ในความหมายที่ว่า มันสื่อสารออกมาได้ไม่ผิดเพี้ยนไปจากความตั้งใจของทีมงาน หรือก็คือ เล่นแล้วรู้เรื่อง “ดูรู้เรื่อง” นั่นแหละครับ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมมองว่า ในหลายจุดพวกเขาวางมือเร็วเกินไป ทำงานออกมามินิมอลเกินไป บางจุดน่าจะทำให้สวยได้มากกว่านี้ ยกตัวอย่างเด่น ๆ เลยก็คือ ฉาก “โลกดนตรี” ทั้งหลายทั้งปวง ที่ควรทำให้ดูอลังการ น่าประทับใจได้มากกว่านี้ เพราะมันเป็นโลกในความคิดแท้ ๆ แต่หลายฉากเป็นแค่ภาพพื้นหลังมืด ๆ ดำ ๆ ดูเหมือนเกมยุค PS2 กันไปเลย น่าเสียดายแท้ ๆ
ต่างกับงานด้านเพลงประกอบ ซึ่งผมต้องอุทาน “โอ้โห” หลาย ๆ ครั้ง! เพลงดีมากครับ! คือซาวด์แทร็คในเกมนี้จับอัดลงแผ่นไว้เปิดฟังเพลิน ๆ ได้แบบไม่ต้องเล่นเกมก็ถือว่าได้อยู่ เพลงเขาสุดยอดจริง ๆ ขอชื่นชม
CONCLUSION
จากที่ว่ามาทั้งหมด ผมขอสรุปแบบกระชับให้ทราบกันเลยว่า ROAD 96: MILE 0 นั้นเหมือนหนังสือเรื่องสั้น ที่เชิญชวนให้คุณติดตามการเดินทางของสองเพื่อน ที่จุดจบจะเป็นอย่างไรนั้น น่าสนใจและชวนให้ตั้งคำถามกับชีวิตเราทุกคน ตัวเกมสั้นมาก แค่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง (แล้วแต่สไตล์การเล่น) ก็จบแล้ว ราคาก็ไม่แพงมาก หากใครสนใจผลงานเกมแนวนี้ เชิญลองได้ ไม่มีผิดหวัง
Pros
- เนื้อเรื่องเข้มข้น ตั้งประเด็นดี ถ่ายทอดออกมาได้ดี ทุกตัวเลือกที่โยนให้ผู้เล่นตัดสินใจล้วนท้าทาย “ตัวตน” ของคนเล่นเอง
- เพลงในเกม คือดีมาก!
Cons
- คุณภาพกราฟิกโดยรวม ดูมินิมอลไปนิดนึง น่าจะทำให้ภาพดูสวย รุ่มรวยรายละเอียดมากกว่านี้