![FINAL FANTASY XVI: ECHOES OF THE FALLEN – รีวิว [REVIEW]](https://thaigamewiki.com/wp-content/uploads/2023/12/FINAL-FANTASY-XVI-Echoes-of-the-Fallen-Review-ปก.jpg)
*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Sony Interactive Entertainment Singapore มา ณ โอกาสนี้ครับ
Echoes of The Fallen นี้ถือเป็น DLC ส่วนเสริมชุดแรกของ Final Fantasy XVI หลังจากที่ตัวเกมหลักวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งเราเคยได้รีวิวตัวเกมหลักไปแล้วที่นี่ครับ
ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายก่อนว่า DLC ตัวนี้จะเข้ามาเสริมในตัวเกมหลัก โดยไม่ได้ทำเป็นโหมดแยกต่างหากเพียงแค่ว่าก่อนที่คุณจะเล่นได้ก็จะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องทำให้ครบถ้วนก่อนนั่นคือ
- คุณจะต้องดำเนินเนื้อเรื่องหลักไปจนถึงช่วง “Back to their Origin”
- เคลียร์ไซด์เควสต์ “Priceless” (ซึ่งก็จะปลดล็อกออกมาหลังจากที่เคลียร์ไซด์เควสต์อื่นอย่าง “Cut from the Cloth”, “Phoenix, Heal Thyself” และ “Where There’s a Will” เสียก่อน)
เมื่อทำเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว คุณถึงจะเริ่มทำภารกิจของ DLC นี้ได้โดยการไปคุยกับคารอน (Charon) ใน Hideaway ของคุณ
เอาล่ะ ทีนี้ก็มาว่ากันถึงเรื่องของตัวรายละเอียดใน DLC นี้กันดีกว่า
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวใน DLC นี้จะเป็นการเพิ่มเติม lore ของเกมให้ลึกซึ้งขึ้น โดยที่เราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมบางอย่างเกี่ยวกับเหล่าผู้ล่มสลาย (Fallen) ซึ่งเป็นอารยธรรมที่เคยเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดแต่แล้วก็หาญไปท้าสู้กับพระเจ้าอย่างอัลติมา (Ultima) แต่ก็พ่ายแพ้กลับมาจนล่มสลายนั่นเอง ซึ่งก็ตรงตามชื่อของ DLC เลย (เสียงสะท้อนแห่งผู้ล่มสลาย) เหตุการณ์ใน DLC นี้จะเป็นช่วงก่อนที่พวกของไคลฟ์ (Clive) จะมุ่งหน้าไปยังออริจิน (Origin) เพื่อต่อสู้ในศึกสุดท้ายนั่นล่ะครับ
ในส่วนของจุดดำเนินเรื่องราวหลักใน DLC นี้คือหอคอยที่เรียกว่าเซจสไปร์ (Sagespire) อันเป็นหนึ่งในซากอารยธรรมโบราณของเหล่าผู้ล่มสลาย ที่ไคลฟ์และพรรคพวกมีเหตุให้ต้องมาตรวจสอบหอคอยแห่งนี้ เพราะกังวลว่าอาจจะมีมาเธอร์คริสตัลหลงเหลืออยู่ ซึ่งเนื้อหาใน DLC มันก็น่าสนใจและชวนติดตามดี ยิ่งถ้าคุณชอบโลกในเกมของภาคนี้ก็จะทำให้คุณรู้ที่มาที่ไปของอะไรบางอย่างได้ดีขึ้น (รวมถึงสถานที่ที่คุณสงสัยว่าทำไมในเกมหลักมันเข้าไม่ได้ด้วย)
เกมเพลย์
ในแง่ของเกมเพลย์แล้วผมคิดว่าดันเจี้ยนใหม่อย่างเซจสไปร์ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเข้ามามากนักที่ทำให้แตกต่างไปจากตัวเกมหลักอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะรูปแบบการนำเสนอจะมีลักษณะเป็นการต่อสู้สไตล์ Gauntlet ที่เราต้องบุกฝ่าหอคอยไปทีละชั้นโดยที่ปลายทางของแต่ละชั้นคุณจะได้เจอกับมินิบอสอันแข็งแกร่ง ก่อนที่จะไปยังชั้นบนสุดเพื่อจัดการกับบอสของ DLC ในครั้งนี้ หากจะให้พูดถึงความยากนั้น บางตัวก็แอบตึงมืออยู่ (ในระดับความยาก Final Fantasy) ยิ่งตัวบอสใหญ่นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย HP รวม ๆ ของมันน่าจะหลายล้านเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าถ้าใครเคยเล่นภาคเก่า ๆ มาการได้เจอกับบอสใหญ่ของ DLC ก็คงทำให้ยิ้มได้เหมือนเจอเพื่อนเก่า (หรือไม่ก็ยิ้มไม่ออก)
จุดที่ผมคิดว่าค่อนข้างถือเป็นความน่าเสียดายก็คือเนื้อเรื่องเสริมชุดนี้ไม่มี Eikon Fight เจ๋ง ๆ มัน ๆ แบบตัวเกมหลักให้ได้เล่นครับ ตลอดทั้งเนื้อหาของ DLC เราจะได้สู้ในร่างคนปกติตลอด ไม่มีฉากที่ชวนให้ตะลึงแล้วตะลึงอีกเหมือนตอนเล่นตัวเกมหลักเลย และก็ด้วยเหตุนี้ เกมจึงไม่ได้เพิ่มความสามารถอะไรใหม่ ๆ ลงมาให้ผู้เล่นได้ลองใช้งาน (ก็เข้าใจว่าต้องไปรอตอน Rising Tide ในปีหน้าเลย) สิ่งที่จะได้เมื่อเล่นจบก็มีแค่เพียงพวกเครื่องป้องกันที่ดีขึ้น เครื่องประดับที่มาปรับแต่งระบบการเล่นเล็กน้อย (เช่นทำให้คุณเหยียบหัวศัตรูได้สูงสุด 6 ครั้ง) หรืออะไรแบบนั้น รวมถึงดาบใหม่หลังเล่นจบ ที่ค่าพลังก็ดันเท่ากันกับ Ultima Weapon ซึ่งเป็นดาบสุดยอดในเนื้อเรื่องหลักเสียอย่างนั้น
กราฟิก
ในแง่ของกราฟิกนั้น ไม่ได้ต่างมากไปจากตัวเกมหลักเท่าไรนักในแง่ของความละเอียดภาพและโมเดล เอฟเฟกต์การต่อสู้ก็ยังทำได้สวยงามรุนแรงตามมาตรฐาน และหลายครั้งก็แอบลายตาเพราะมันเต็มจอไปหมดนี่ล่ะครับ ยิ่งพอใน DLC นี้เราจะลุยหอคอยกันสี่คนด้วยแล้ว ช่วงชุลมุนนี่บางทีแยกไม่ออกเลยว่าเอฟเฟกต์ที่เห็นนี่เป็นท่าของใคร
เพลงประกอบ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าเพลงประกอบตอนสู้บอสประจำ DLC คราวนี้ยังด้อยกว่าบรรดาเพลงของบอสในเกมหลักครับ ไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะ แต่ว่าความประทับใจและความรู้สึกอลังการนี่มันไม่เท่าตอนเล่นตัวเกมหลักแล้วเห็นไคจูฟัดกันจริง ๆ อาจจะเพราะว่ารอบนี้เราสู้บอสแค่ในร่างคนเพียว ๆ มันเลยไม่ค่อยเสริมกันเท่าไร ไม่มีโมเมนต์ที่ฉากแอ็กชันบนจอมัน sync กับตัวเพลงเหมือนที่คุ้นเคยครับ
สรุป
ถามว่ามันสนุกไหม? มันสนุกครับ ถ้าคุณชอบระบบการเล่นจากตัวเกมหลักเป็นทุนเดิมยังไงก็เล่น DLC นี้ได้สนุก เพียงแค่ว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกแตกต่างจากตัวเกมหลักมากนัก และด้วยความยาวของเควสต์ประมาณ 3 ชั่วโมงนี่ คุณอาจต้องถามตัวเองว่าคุณชอบโลกของ FFXVI มากรึเปล่า ชอบระบบการเล่นไหม ถ้าชอบก็จัดได้เลยครับ แต่ถ้ายังลังเลก็รอดู Rising Tide ที่จะมาในปีหน้าอีกทีดีกว่า เพราะผมคิดว่าของใหญ่จริง ๆ น่าจะเป็น DLC ตัวนั้นนี่ล่ะครับ
