Games Reviews

Granblue Fantasy Relink – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Granblue Fantasy Relink – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณ SEGA Corporation สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5

Granblue Fantasy Relink คือเกมจากแฟรนไชส์ Granblue Fantasy ซึ่งเป็นเกมเทิร์นเบสอาร์พีจีบนมือถือซึ่งมีระบบกาชาให้คุณสุ่มเปิดหาตัวละครมาร่วมปาร์ตี้ โดยที่ตัวแฟรนไชส์เองก็ได้รับความนิยมสูงจนมีทั้งสินค้าและการนำเสนอในรูปแบบอื่น ๆ เช่นอนิเมมาแล้วเช่นกัน และในรอบนี้จะถือเป็นอีกผลงานหนึ่งที่นำเสนอในรูปแบบของเกมแอ็กชันอาร์พีจีและขยายขอบเขตโลกของเกมให้กว้างใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีกครับ


เนื้อเรื่อง

สำหรับ Granblue Fantasy Relink นี้จะบอกเล่าเรื่องราวของคณะเดินทางท่องนภาในโลกที่ซึ่งผืนแผ่นดินล่องลอยเป็นเกาะน้อยใหญ่บนฟากฟ้า ทุกผู้ทุกคนในโลกแห่งนี้จึงใช้วิธีการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ด้วยเรือเหาะเป็นหลัก

เรือเหาะคือวิธีการเดินทางหลักในโลกแห่งแกรนบลู

การเดินทางของเราในเกมนำโดยกัปตันผู้เป็นตัวเอกที่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นเป็นชายหรือหญิง โดยที่ตัวเอกชายจะชื่อแกรน (Gran) ส่วนตัวเอกหญิงชื่อจีตา (Djeeta) แต่ว่าคุณจะตั้งชื่ออะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก โดยที่ตัวเอกของเรานั้นมีชีวิตที่เชื่อมต่ออยู่กับสาวน้อยลิเรีย (Lyria) ผู้ที่โชคชะตานำพาให้ทั้งสองพบกันก่อนจะร่วมออกเดินทางกันไปในที่สุด

ในการเดินทางเพื่อมุ่งหน้าสู่เอสตาลูเซีย (Estalucia) ที่ว่ากันว่าคือดินแดนสุดขอบท้องฟ้าของพวกเขานี้ เรือเหาะแกรนด์ไซเฟอร์ของพวกเขาที่ประกอบไปด้วยตัวเอก, ลิเรียรวมถึงลูกเรือคนอื่น ๆ ได้มาถึงอาณาจักรนภาที่ชื่อเซกาแกรนเด (Zegagrande) แต่ทว่าเรือเหาะของพวกเขากลับถูกฝูงมอนสเตอร์โจมตี ทำให้ทั้งตัวเอกและลิเรียเรียกบาฮามุต (Bahamut) ออกมาเพื่อช่วยเหลือ แต่สถานการณ์พลิกผันเมื่อลิเรียเสียการควบคุมบาฮามุตจนมันหันมาเล่นงานเรือแทน จนสุดท้ายตัวเอกและลิเรียก็ตกจากเรือไปยังเกาะด้านล่าง

สุดท้ายแล้วคณะเดินทางของแกรนด์ไซเฟอร์ก็ต้องผจญภัยในเซกาแกรนเด และต้องเข้าไปหยุดยั้งหายนะที่อาจจะทำลายอาณาจักรนภาแห่งนี้จนสิ้นซากเลยก็เป็นได้

คณะเดินทางของแกรนด์ไซเฟอร์

หากจะให้กล่าวถึงเนื้อเรื่องนั้น ก็คงต้องออกตัวก่อนว่าผมเองไม่เคยเล่น Granblue Fantasy ที่เป็นต้นฉบับเลย ดังนั้นผมเลยจะค่อนข้างงง ๆ กับความสัมพันธ์และที่มาที่ไปของแต่ละตัวละครพอสมควร เพราะเกมนี้จะใช้วิธีนำเสนอว่าคุณรู้จักพวกเขากันมาระดับหนึ่งแล้ว และเกมนี้ก็เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พวกเขาได้พบเจอระหว่างการเดินทางเพื่อแสวงหาเอสตาลูเซียนั่นเอง

แต่ถามว่ามันเป็นอุปสรรคต่อการเล่นไหม? ก็ไม่ครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเกมจะมีระบบที่เรียกว่า Fate Episode (ซึ่งผมเข้าใจว่าก็แตกหน่อมาจากระบบในภาคต้นฉบับที่เป็นเกมมือถือ) ที่จะทำให้เราทราบเรื่องราวเฉพาะของแต่ละตัวละครมากขึ้น และระบบนี้นั่นล่ะที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นการสรุปย่อความเป็นมาของแต่ละคนให้เราทราบกันคร่าว ๆ จะได้พอรู้ว่าแต่ละคนคือใคร มีบทบาทอะไร และทำอะไรมาถึงได้มาเข้าร่วมคณะเดินทางครั้งนี้ รวมถึงเป็นโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวละครนั้น ๆ ด้วย

Fate Episode จะทำให้เรารู้จักตัวละครมากขึ้น

สำหรับเนื้อหาของเกมโดยรวมนั้น ผมคิดว่ามันก็เป็นการบอกเล่าเนื้อหาแบบมาตรฐานของสื่อบันเทิงแนวผจญภัยครับ ที่กลุ่มตัวเอกไปยังสถานที่แห่งใหม่ ได้ทำความรู้จักกับคนท้องถิ่น พบกับตัวละครใหม่ ๆ เข้าเผชิญหน้ากับภัยคุกคาม แล้วสุดท้ายก็เป็นผู้แก้ไขสถานการณ์และยับยั้งวิกฤติ

ในแง่นี้ ผมคิดว่าเนื้อหาอาจให้ความรู้สึกว่ามันธรรมดาเกินไป แต่ผมคิดว่าด้วยพรีเซนเทชันของเกมนี่มันทำให้ทุกอย่างดูสนุกขึ้นจากความอลังการนี่ล่ะครับ อสูรบรรพกาลที่ตัวใหญ่มันก็ใหญ่จริง ๆ ระดับที่รู้สึกสร้างหายนะได้มากมายแน่นอน หรือตัวไหนที่พลังอำนาจระดับโลกาวินาศมันก็นำเสนอได้อย่างยิ่งใหญ่จนรู้สึกว่ามันสามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ

เมื่อมาเยือนดินแดนใหม่ แน่นอนว่าก็ต้องมีตัวละครใหม่

เกมเพลย์

ในส่วนของวิธีการเล่นนั้น ระบบสู้ของเกมจะเป็นแอ็กชันอาร์พีจีที่ตัวละครทุกตัวจะมีท่าโจมตีพื้นฐานด้วยปุ่มสี่เหลี่ยม และมีท่าโจมตีหนัก (หรือโจมตีพิเศษ) ด้วยปุ่มสามเหลี่ยม โดยที่เราจะสามารถเซ็ตสกิลให้กับแต่ละตัวละครได้สี่ท่าด้วยกันโดยการกดปุ่ม R1 ค้างไว้แล้วค่อยกดปุ่มที่เราเซ็ตสกิลดังกล่าวเอาไว้ และแน่นอนว่าพวกระบบมาตรฐานอย่างการป้องกัน หรือการหลบหลีก (ที่หากหลบถูกจังหวะจะทำให้เป็นอมตะชั่วครู่) ก็มีเช่นกัน

รูปแบบการเล่นโดยรวมนั้น ให้ความรู้สึกคล้ายกับเล่นเกมแอ็กชันอาร์พีจีหลายเกมในท้องตลาดครับอย่างเช่น Tales of Arise หรือ Final Fantasy XVI เพราะเกมนี้จะไม่มีระบบ MP ในการใช้สกิลแต่จะใช้เป็นระยะเวลาคูลดาวน์แทน เพราะฉะนั้นคุณจะไม่สามารถกดสแปมสกิลรัว ๆ ได้ แต่จะต้องเลือกใช้ให้ถูกจังหวะเพื่อประโยชน์สูงสุดนั่นเอง

เซ็ตสกิลได้คนละ 4 สกิล

เกมนี้จะให้เราบังคับตัวละครได้แค่หนึ่งตัวในการต่อสู้ ส่วนอีกสามตัวนั้นก็สุดแท้แต่ว่าเราจะเลือกใครเข้าปาร์ตี้และเลือกเซ็ตสกิลอะไรให้พวกเขาไว้ จากนั้น AI ก็จะทำการบังคับพวกเขาเข้าการต่อสู้ให้เอง ซึ่งจากที่ได้เล่นเควสต์ระดับ very hard มา ผมรู้สึกว่า AI ของเกมนี้ออกแบบมาดีนะครับ รู้จังหวะสู้ รู้จังหวะหลบ น้อยมากที่จะเจอแบบ AI วิ่งไปรับการโจมตีให้เราต้องคอยชุบ (กลายเป็นผมต้องให้ AI วิ่งมาชุบบ่อยกว่าอีก) มันเลยทำให้การสู้กับศัตรูแต่ละชุดหรือสู้บอสแต่ละตัวนั้นสนุก และไม่ค่อยมีอะไรต้องกังวลใจมากนัก

ระบบมาตรฐานตามสมัยนิยมอย่างระบบท่าไม้ตาย ที่ในเกมนี้จะเรียกว่า Skybound Arts ก็มีให้ใช้สำหรับทุกตัวละคร โดยแต่ละคนก็จะมีเอฟเฟกต์ท่าต่างกันไป แต่ความอลังการของมันจะอยู่ที่การใช้ท่าต่อเนื่อง 4 คนเพื่อปิดด้วย Chain Burst นี่ล่ะครับ มันดุดัน รุนแรง และอลังการ ยิ่งเมื่อบวกกับความรวดเร็วในการเล่นแล้ว ทุก ๆ รอบที่ได้ปะทะกับศัตรูมันจึงให้ความรู้สึกเท่ เจ๋งและสนุกมาก ยิ่งตอนเข้าปะทะกับบอสในช่วงหลัง ๆ นี่เอฟเฟกต์ท่วมจอจนลายตากันไปข้างนึงเลย

เมื่อเกจเต็มก็ถึงเวลาใช้ Skybound Arts
พอใช้กันต่อเนื่องด้วย Chain Burst ครบสี่คนก็จะกลายเป็น Full Burst ที่รุนแรง

ทั้งนี้ทั้งนั้น จุดหนึ่งที่ผมต้องขอกล่าวถึงและชื่นชมในแง่การเล่นก็คือความแตกต่างของแต่ละตัวละครครับ ยอมรับเลยว่าทีแรกผมเข้าใจว่าวิธีเล่นแต่ละตัวก็น่าจะคล้าย ๆ กับแฟรนไชส์ Musou ที่ตีเบาด้วยสี่เหลี่ยมแล้วปิดด้วยตีหนักสามเหลี่ยม (เพราะวิธีเล่นตัวเอกจะเป็นอย่างนั้น) แต่พอได้ลองตัวละครอื่น ๆ ก็พบว่าเกมนี้ออกแบบมาให้วิธีเล่นแต่ละคนต่างกันหมดเลยครับ

ยกตัวอย่างเช่น พอเล่นแร็คคัม (Rackam) ที่ใช้ปืน คุณก็จะใช้ยิงธรรมดาสี่เหลี่ยมเพื่อเพิ่มเกจความร้อน และเมื่อเกจขึ้นสูงคุณจะชาร์จยิงได้เร็วขึ้นด้วยปุ่มสามเหลี่ยม แล้วพอสลับไปเล่นซิกฟรีด (Siegfried) เกมก็จะมีระบบที่หากคุณกดโจมตีตรงจังหวะที่ฟันโดนศัตรู ความแรงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นในแต่ละดาบ และเมื่อเปลี่ยนไปเล่นเซตา (Zeta) นั้น เธอก็จะมีความสามารถพุ่งโจมตีจากกลางอากาศที่หากคุณกดโจมตีซ้ำในจังหวะที่ตีโดนศัตรู เธอก็จะโดดลอยตัวออกมาเพื่อพุ่งซ้ำได้ไม่รู้จบหากว่าคุณกดไม่พลาดเลย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันทำให้คุณสามารถลองเปลี่ยนไปเล่นได้หลายตัวละครและหาตัวที่เข้ามือที่สุดได้ เพราะว่าแต่ละตัวมีจุดเด่นไม่เหมือนกันและมันทำให้วิธีเล่นต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิงเลย

วิธีเล่นแต่ละตัวละครจะต่างกันค่อนข้างชัดเจน
ตัวละครแต่ละตัวก็จะมีสายสกิลของตัวเอกแยกกัน ใครจะปั้นให้ครบก็เล่นกันจนอิ่มไปข้างนึง

สำหรับเนื้อเรื่องหลักของเกมนี้ มีการอัดโมเมนต์สุดอลังการเข้ามาเยอะแยะมากมายแบบแทบไม่ให้พัก ไม่ว่าจะฉากเซ็ตพีซเจ๋ง ๆ บอสขนาดมหึมา รวมถึงศึกตัดสินกับบอสใหญ่ของเกมที่เวอร์วังอลังการมาก เกมนี้มีหลายช่วงเลยที่ผมคิดว่าเปลี่ยนชื่อเกมเป็นไฟนอลแฟนตาซีผมก็ไม่รู้สึกว่ามันจะแปลกอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าเนื้อเรื่องหลักนั้นค่อนข้างสั้นมากและสามารถจบได้ภายในเวลา 15-16 ชั่วโมงครับ แต่นั่นก็เพราะเนื้อเกมจริง ๆ มันเริ่มหลังจบนี่ล่ะ เนื้อเรื่องหลักเปรียบเสมือนเป็นโหมดฝึกสอนแค่นั้นเอง เพราะบรรดาเควสต์ยาก ๆ แต่ให้ของดีก็จะเปิดมาให้เล่นกันหลังจบเกมครับ

โมเมนต์อลัง ๆ นั้นมีตลอดทั้งเกม

เมื่อเครดิตขึ้นจนหมดปุ๊บ เกมก็เปิดโอกาสในการอัปเกรดตัวละครมากขึ้น อัปเกรดอาวุธได้เยอะขึ้น และมีเควสต์ระดับสูงมาให้ทำเพื่อที่คุณจะได้ปั้นตัวละครให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป แล้วจากนั้นก็ไปช่วยเหลือคนอื่น (หรือขอรับความช่วยเหลือ) ในโหมดออนไลน์ เรียกได้ว่าตัวเกมถูกออกแบบมาให้เล่นกันต่อเนื่องไปนาน ๆ แม้ว่าคุณจะเคลียร์เนื้อเรื่องหลักไปแล้วก็ตามที

ตัวเกมจริงจะเริ่มหลังจบเกม
ไม่ว่าจะการอัปอาวุธ การอัปตัวละคร เมื่อจบเกมแล้วทุกอย่างจะเปิดกว้างขึ้นอีกเพียบ

ดังนั้น หากคุณชอบระบบการต่อสู้ของเกม ชอบตัวละคร ชอบโลกของแกรนบลู ผมคิดว่าคุณไม่ต้องเป็นกังวลเพราะคุณจะมีอะไรให้เล่นไปอีกยาว ๆ เลยครับ

แต่อย่างไรก็ตาม จุดหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือเกมนี้จะไม่ได้มีแผนที่เชื่อมต่อกันยาว ๆ ให้วิ่งไปไหนมาไหนได้อิสระครับ ตัวเกมจะแบ่งพื้นที่ให้เราเล่นตามเนื้อเรื่องช่วงนั้น ๆ และกรณีที่รับเควสต์อะไรก็ตาม เกมจะหย่อนเราลงในพื้นที่ที่กำหนดไว้ให้เราสู้กับศัตรูจนครบ เมื่อผ่านแล้วเราก็จะกลับมายังเมืองที่เปรียบเสมือนเป็นฮับของเกม ใครที่เป็นสายสำรวจชอบซอกแซกไปไหนมาไหนอาจรู้สึกเซ็งนิดนึง (แต่มันก็มีอะไรให้วิ่งไปสำรวจและเก็บอยู่บ้างล่ะนะ)


กราฟิก

Granblue Fantasy Relink มีอาร์ตสไตล์ในแบบอนิเม ซึ่งโมเดลตัวละครนั้นก็ปั้นออกมาได้สมกับภาพอาร์ตเวิร์กที่นำเสนอครับ การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางก็ทำออกมาได้ดีราวกับดูอนิเมอยู่ แม้ว่ารายละเอียดเท็กซ์เจอร์บางจุดจะดูหยาบไปนิดหน่อยในพวกฉากโคลสอัป แต่ในภาพรวมนั้นการนำเสนอและการต่อสู้แต่ละรอบมันยิ่งใหญ่อลังการและทรงพลังเอฟเฟกต์ท่วมจอมาก ยิ่งการปะทะบอสในช่วงท้าย ๆ นี่คือแทบจะหลบกันไม่ได้เลยเพราะมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร (อ้าว)

ดีไซน์และการนำเสนอในเกมนี้ทำออกมาได้ดูดีและน่าสนใจ

เพลงประกอบ

นี่คืออีกหนึ่งองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมของเกมนี้เลยครับ เพลงประกอบนั้นดีมาก มีโมเมนต์ที่เกมเลือกใช้เพลงเล่นใหญ่สไตล์ออเคสตราที่สื่อถึงความยิ่งใหญ่ของเรื่องราว แต่บทจะเพิ่มความดุดันนั้นก็ราวกับดูฉากต่อสู้ไคลแมกซ์ของโชเน็นอนิเมเลย ยิ่งตอนปะทะกับบอสใหญ่นี่เดือดมาก หากว่าคุณชอบการนำเสนอสไตล์โชเน็นอนิเมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณจะชอบการนำเสนอของบอสใหญ่เกมนี้แน่ ๆ ครับ


สรุป

Granblue Fantasy Relink นี่ถือเป็นเกมเซอร์ไพรส์สำหรับผมครับ เพราะเริ่มเล่นโดยไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ก็ได้มากกว่าที่คาดหวังเอาไว้เยอะเลย นี่คือเกมแอ็กชันอาร์พีจีสไตล์อนิเมที่คุณภาพสูงมากเกมหนึ่ง แม้ว่าคุณจะไม่ได้รู้จักกับแฟรนไชส์ Granblue Fantasy มาก่อนก็สนุกได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้สนใจเกมสไตล์อนิเมเป็นทุนเดิม แต่ด้วยคุณภาพของเกมนั้นก็มากพอที่จะทำให้คุณเปลี่ยนใจได้ครับ ติดแค่ว่าเนื้อเรื่องหลักมันสั้นไปหน่อยแค่นั้นเอง

ถึงเนื้อเรื่องหลักจะสั้น แต่บู๊กันสนุกมากนะ

The Review

85% ตระเวนท่องนภา ตามหาขอบฟ้า

Granblue Fantasy Relink คือเกมแอ็กชันอาร์พีจีที่มีระบบการเล่นสนุกและหลากหลาย แม้ว่าเนื้อเรื่องหลักจะสั้นไปหน่อย แต่เนื้อหาหลังจบเกมจะให้คุณใช้เวลากับเกมต่อได้ยาว ๆ แน่นอน

85%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์