Reviews

Romancing SaGa – Minstrel Song – Remastered – รีวิว [REVIEW]

โดย ปอลนาโช่

รีวิว Romancing SaGa – Minstrel Song – Remastered

ขอขอบคุณโค้ดเกม (นินเทนโด สวิตช์) เพื่อการรีวิว จากบริษัท SQUARE ENIX และ Bandai Namco มา ณ โอกาสนี้ครับ

ผมยังจำได้ดี…กับครั้งแรกสมัยวัยรุ่นที่ได้เห็นงานอาร์ตเวิร์กของ Romancing SaGa – Minstrel Song ฉบับรีเมกสำหรับ PS2 เมื่อปี 2005 (เป็นการรีเมกจากต้นฉบับ Romancing SaGa ของปี 1992) ซึ่งผมน่าจะได้เห็นจากปกนิตยสารเกมบนแผงหนังสือในสมัยนั้น และต้องบอกเลยว่า ภาพการ์ตูนแบบ SD ที่สวยงาม มันสร้างความอยากรู้อยากเห็น และทำให้อยากเล่นเกมในโลกแฟนตาซีของ Romancing SaGa แบบสุด ๆ

จำได้คร่าว ๆ ว่า ผมเคยลองเล่นเกมเวอร์ชัน PS2 ด้วยเหมือนกันครับ แต่เป็นการไปเล่นบ้านเพื่อน ทำให้ได้เล่นแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่มีทางเลยที่จะเล่นเกม jrpg ขนาดยาวแบบนี้จนจบได้ในบ้านคนอื่น (ฮา)

สิ่งที่พอจะจำขึ้นใจก็คือ ตัวเกม “สวย” มากสำหรับยุคนั้น มีระบบการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่สนุก และเลือกตัวละครเริ่มต้นได้หลายคน

จากนั้นผมก็ลืมเลือนเกมนี้ไปตามกาลเวลา จวบจนมาวันนี้ โชคชะตานำพาให้มาพบกับ Romancing SaGa อีกครั้งในเวอร์ชัน นินเทนโด สวิตช์ ซึ่งผมก็ไม่รอช้าครับ นั่งเล่นเกมนี้อยู่หลายวันเลยกว่าจะได้มาลงมือเขียนรีวิวให้ได้อ่านกันนี่แหละ

STORY

เนื้อเรื่องของ Romancing SaGa บอกเล่าผ่านตัวละครเอก 8 คน แต่ละคนมีเรื่องราวของตัวเองในโลกของ Mardias ตัวอย่างเช่น อัลเบิร์ต เป็นทายาทของตระกูลขุนนางที่ต้องปฏิบัติภารกิจปกป้องตระกูลของตนจากการรุกรานของสัตว์ประหลาด ขณะที่ จามิล เป็นหัวขโมยจากเมืองในอีกทวีปหนึ่ง ฯลฯ โดยถึงแม้จะมีเรื่องราวที่แยกจากกัน แต่ก็มีโอกาสที่ตัวเอกหลายคนจะมีปฏิสัมพันธ์และผจญภัยร่วมกันหากผู้เล่นเลือกที่จะจ้างพวกเขา

ผู้เล่นเลือกที่จะควบคุมใครก็ได้ ผู้เล่นเองเป็นผู้กำหนดว่าการผจญภัยเริ่มต้นอย่างไรและผ่านมุมมองของใคร โดยทุกเส้นทางชีวิตจะไปบรรจบกันที่การต่อสู้เพื่อจัดการกับหายนะโลกในท้ายที่สุด

สำหรับรูปแบบการเลือกตัวเอกนี้ ถือเป็นเรื่องฮือฮามากในยุคก่อน แต่สมัยนี้อาจไม่เท่าไหร่แล้ว เพราะมีหลายเกมเลยทีเดียวครับ ที่ใช้สไตล์ดังกล่าว

GAMEPLAY

ไม่ว่าคุณจะเลือกตัวละครใดตอนเริ่มเกม ในไม่ช้าคุณก็จะพบกับเกมเพลย์ที่คล้ายกันนั่นคือ โลกที่เปิดกว้างและอิสระในการค้นหาเส้นทางของคุณเอง ใช่แล้วครับ เกมนี้คือต้นแบบยุคแรก ๆ ของเกมโอเพ่นเวิลด์ โดยเรื่องราวการผจญภัยจะเกิดขึ้นและแตกต่างกันไปตามการตัดสินใจของคุณ

คุณจะไปเมืองไหนก็ได้ พื้นที่ไหนก็ได้ เพื่อไปพบเรื่องราวย่อย ๆ ทั้งหลาย (หรือก็คือ พวกภารกิจเสริมต่าง ๆ) แต่มันไม่ได้กว้างใหญ่แบบโอเพ่นเวิลด์สมัยนี้นะครับ อย่าเผลอเอาไปเปรียบเทียบล่ะ

และด้วยความที่มันเป็น Sandbox ในโครงสร้างเกมที่เป็น jrpg แบบดั้งเดิม ทำให้มันค่อนข้างที่จะ “ไม่เอาใจผู้เล่น” ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการกำหนดจุดหมายให้ต้องเดินตามแบบเกมยุคปัจจุบัน คุณต้องค้นหาทางไปต่อเอาเอง (จากการอ่านโน้ตในเกม, การคาดเดา, การพูดคุยสอบถามจาก NPC ทุกตัวในเมือง) ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ถ้าเป็นคอเกมยุคเก่าน่าจะเข้าใจกันดี

ตัวเกมไม่มีระบบเลเวลเหมือนเกมภาษาทั่วไป โดยตัวละครจะมีค่าสแตตเพิ่มขึ้นเองหลังการต่อสู้ไปเรื่อย ๆ (ดังนั้นความก้าวหน้าจึงอาจรู้สึกช้าอย่างไม่น่าเชื่อ) โดยภาพรวมของ Romancing SaGa – Minstrel Song เป็นเกมที่ค่อนข้างยากครับ แต่เกมก็ยังใจดีให้ผู้เล่นสามารถเซฟได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นจงเซฟบ่อย ๆ

และด้วยระบบเกมทั้งหมดที่ผมเล่าไปนั้น หากผู้เล่นไม่ตั้งใจพัฒนาฝีมือตัวละครและไม่จัดปาร์ตี้ให้ดีแล้วล่ะก็ คุณจะถูกบอสตัวแรก ๆ ตามเนื้อเรื่อง กวาดเรียบหมดแก๊งได้ในไม่กี่เทิร์น เดือดร้อนต้องมานั่งปั้นทีมกันใหม่เป็นชั่วโมงอย่างแน่นอน

ว่าด้วยการ Remastered

ทีนี้มาดูกันว่ามีอะไรใหม่เพิ่มเติมบ้างสำหรับเวอร์ชันรีมาสเตอร์ในครั้งนี้ โดยนอกเหนือจากเรื่องพื้นฐานอย่าง การพัฒนากราฟิกระดับ HD และ UI ที่ปรับปรุงใหม่แล้ว ตัวเกมยังเพิ่มตัวละครใหม่ให้คุณเล่นได้อีก 5 คน โดยมีการให้เสียงพากย์ตัวละครใหม่เหล่านี้ด้วย

บอส ที่ปรับให้ยากและซับซ้อนขึ้นอีกนิด เพื่อรอต้อนรับบรรดาแฟนเกมเก่า ๆ ที่หวนกลับมาเยี่ยมเกมนี้อีกครั้ง โดยเพลงประกอบช่วงปะทะบอสมีการประพันธ์กันใหม่ด้วย

5 คลาสใหม่ ถูกเพิ่มเข้าไปในเกม และยังมีการเพิ่ม เทอร์โบสปีด (กด R3) เพื่อใช้เริ่งความเร็วของเกมได้ด้วย

มีการเพิ่มจุดฟาสต์ทราเวล ตามเมือง, ร้านค้า และแลนด์มาร์คสำคัญ ๆ ตลอดจนระบบ ออโต้เซฟก่อนเปลี่ยนฉาก และโหมด New Game+

เมนูพิเศษ Library เพื่อช่วยให้ข้อมูลประวัติตัวเกม อาทิ ภาพอาร์ตเวิร์คยุคแรก ๆ, เพลงประกอบเวอร์ชันออริจินัล เป็นต้น

สุดท้ายคือ อาวุธในตำนาน 3 ชิ้นให้ค้นหาได้ในเกม

CONCLUSION

Romancing SaGa – Minstrel Song คือความประนีประนอมอย่างที่สุดของเกม jrpg สไตล์คลาสสิกที่ปรับตัวเพื่อมาพบกับผู้เล่นในเจเนอเรชันใหม่ (รวมถึงแฟนเก่าดั้งเดิมด้วย) ตัวเกมยังคงไว้ซึ่งจุดเด่นสำคัญ และจุดด้อยต่าง ๆ ก็ตามมาครบเช่นเดียวกัน โดยผมแยกข้อดีข้อด้อยไว้ท้ายบทสรุปดังนี้ครับ

Pros

  • เพลงประกอบเกมเพราะ ๆ หลายเพลง โดยเฉพาะเพลงโปรดของผู้เขียนเองอย่าง Minuet ของศิลปินเพลงบลูส์ชาวญี่ปุ่น Masayoshi Yamazaki
  • ความเป็น jrpg ในแบบ open-ended ส่งผลให้คนเล่นจะสนุกไปกับการบุกเบิก
  • ระบบต่อสู้ซับซ้อน ท้าทายคนเล่นให้ทำความเข้าใจ และฝึกฝนจัดปาร์ตี้ให้แข็งแกร่งที่สุด

Cons

  • มุมกล้องปรับไม่ได้ ถูกล็อกตามที่เกมกำหนดเท่านั้น ทำให้การเดินทางในฉาก (โดยเฉพาะในดันเจี้ยน) สร้างความงงงวยอย่างที่สุด
  • บางครั้งการไม่บอกไม่ใบ้อะไรเลย ก็ทำการเล่นหยุดชะงักบ่อยเพราะไม่รู้ต้องทำไรต่อไป
  • เกมต้องการ การ grinding หนักหน่วงพอสมควร

The Review

70% คืนชีพให้กับความคลาสสิก

ถ้าจะให้เล่าคุณงามความดีของ Romancing SaGa - Minstrel Song - Remastered ออกมาเป็นประโยคสั้น ๆ ก็คงต้องใช้คำว่า "ความสนุกของมันอยู่ที่ การค้นพบทุกสิ่งทุกอย่างในเกมด้วยตัวคุณเอง" เพราะการที่มีตัวละครให้เลือกเล่นได้ถึง 8 คน บวกกับการเดินเรื่องแบบปลายเปิด มันช่วยส่งเสริมให้คุณได้เดินทางไปในโลกและเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันทุกครั้งในการเล่นแต่ละรอบ โดยถึงแม้ "พล็อตเรื่องหลัก" จะไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่ด้วยระบบการต่อสู้ที่ซับซ้อน ก็ช่วยเพิ่มความมันส์ได้เยอะ ถ้าคุณมีเวลาเล่นมากพอน่ะนะ

70%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์