ทีมงานไทยเกมวิกิได้ไปลองเล่น Dragon’s Dogma 2 มาจากบูธของ CAPCOM ที่งาน Tokyo Game Show 2023 ในประเทศญี่ปุ่นครับ
สำหรับเดโมในครั้งนี้ เปิดให้เล่นช่วงสั้น ๆ โดยที่สามารถเลือกเนื้อหาที่เซ็ตไว้ 3 ตอนด้วยกัน ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นดังนี้คือ
1. Explore the Northern Regions ที่เราจะมีอาชีพเป็น Archer เลเวล 5
2. Monster Culling to the East ที่เราจะมีอาชีพเป็น Fighter เลเวล 15
3. Monster Culling to the West ที่เราจะมีอาชีพเป็น Thief เลเวล 15
การเล่นในรอบนี้เราเลือกเป็น Fighter ซึ่งเกมก็จะจับเราหย่อนลงในฉากและเปิดโอกาสให้เราเดินสำรวจสิ่งต่าง ๆ ได้ทันที สำหรับความรู้สึกแรกก็คือนี่คือ Dragon’s Dogma ที่คุณคุ้นเคยกันนั่นล่ะครับ ที่เราจะบังคับตัวละครของเราผู้เป็นอริเซ่น (Arisen) คนเดียว ส่วนสมาชิกในปาร์ตี้อีกสามก็คือพอว์น (Pawn) ที่จะคอยติดสอยห้อยตามเราไปและคอยต่อสู้โดยอัตโนมัติ
เท่าที่เราสังเกตจากเดโมก็คือสกิลที่เราสามารถใช้ได้จะต้องเซ็ตเอาไว้ล่วงหน้าที่ปุ่มสามเหลี่ยมและวงกลม แต่เราสามารถสลับสกิลอื่นมาใช้งานได้โดยกด L2 ค้างเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับเราจะมีสกิลในการต่อสู้ทั้งหมดสี่สกิลด้วยกัน คุณจะเลือกอะไรมาใช้ก็สุดแท้แต่ โดยในเดโมนี้เราไม่ได้ปรับอะไรเลย ใช้เซ็ตติ้งที่เดโมมีให้ล้วน ๆ ซึ่งเข้าใจว่าก็น่าจะเป็นระบบเดิมจากภาคแรกที่จะมี Core Skill ไว้ใช้งาน 2 สกิล และ Weapon Skill ไว้ใช้งานอีก 2 สกิลนั่นล่ะครับ (แยกเป็น Primary กับ Secondary)
องค์ประกอบที่คุ้นเคยกันจากภาคแรกก็มากันครบหมดครับ ทั้งการออกไปสำรวจแล้วเจอ Riftstone ที่เราจะสามารถเรียกพอว์นอื่นมาเข้าปาร์ตี้ได้ (ซึ่งคุณต้องเลือกว่าจะถอดใครออก) หรือการตระเวนแล้วไปเจอพวกศัตรูระดับบอสที่เพ่นพ่านทั่วไปในฉาก และคุณก็ต้องกระโดดเกาะตัวมันปีนป่ายเพื่อโจมตีจุดอ่อน โดยในรอบที่เราเล่นนั้น เราวิ่งไปเจอกับไซคลอปส์ที่กำลังตีกับกริฟฟินอยู่พอดิบพอดี ซึ่งไม่ใช่เป็นฉากอีเวนต์หรืออะไร แต่เหมือนจะเป็นพฤติกรรมของมอนสเตอร์ที่จะสู้กันเองเวลาเจอกันครับ แน่นอนว่ามันทำให้โลกในเกมดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้รู้สึกว่ามอนสเตอร์พวกนี้มีชีวิตของมันเอง มีถิ่นของมันเอง ไม่ใช่แค่ศัตรูที่วางไว้ตามฉากรอให้เราไปตี
ช่วงที่ผมเล่นนั้น ผมก็กระโดดเกาะขาไซคลอปส์แล้วปีนกระดึ๊บ ๆ ขึ้นไปบนหัวมันแล้วเอาดาบแทงตา ซึ่งก็ทำแดเมจได้สูงกว่าเอาดาบไปเขี่ยหน้าแข้งของมันเยอะอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งที่สังเกตได้ก็คือศัตรูมันอึดเอาเรื่องเหมือนกันครับ ที่สำคัญคือถ้าแรงเกาะเราหมด หรือเผลอทำอะไรจนร่วงมานี่เวลาโดนเหยียบหรือโดนมันนั่งทับก็ทำกระอักไม่ใช่น้อย เพราะอนิเมชันตอนเรานอนเจ็บกว่าจะลุกได้นี่ก็แอบนานอยู่ ยังไม่นับว่าแดเมจที่โดนก็ไม่ใช่เบา ๆ แต่คาดว่าใครที่เล่นภาคแรกมาก็คงพอจะจำบรรยากาศการเล่นกันได้อยู่แล้วล่ะครับ
หลังจากชนะไซคลอปส์มาได้แบบหอบ ๆ เล็กน้อยผมก็ใช้เวลาในการวิ่งสำรวจฉากเล่น โดยพื้นที่ที่เราเล่นในเดโมก็จะเป็นพวกโซนมาตรฐานของเกมแฟนตาซีครับ สภาพแวดล้อมจะเป็นทุ่งหญ้า มีป่า มีแม่น้ำ และมีศัตรูตัวเล็กตัวน้อยอย่างก็อบลินที่อยู่กันเป็นฝูง หรือไม่ก็เป็นพวกฮาร์ปีที่บินไปบินมาสู้ลำบากสำหรับสายประชิดจนต้องอาศัยให้พอว์นช่วยจัดการ ในระหว่างเดินทางบางครั้งก็ได้เจอกับนักรบคนอื่นที่กำลังสู้กับศัตรูอยู่ ไม่ก็เป็นชาวบ้านที่โดนรังควาญ ซึ่งเข้าใจว่าเราจะช่วยหรือไม่ก็ได้เพราะดูเหมือนจะเป็นอีเวนต์สุ่มในฉากโดยที่ไม่ได้เป็นเควสต์อะไรเฉพาะครับ
รวม ๆ จากที่ได้ลองเล่นมาคิดว่าเกมก็ทำได้สมมาตรฐานของ Dragon’s Dogma นั่นล่ะครับ ใครที่เล่นภาคแรกแล้วชื่นชอบและเฝ้ารอภาคต่อมาเนิ่นนานก็คงจะได้สมใจกันคราวนี้ สิ่งที่แอบเสียดายก็คือเวลาที่มีให้เล่นนั้นน้อยมาก จนไม่สามารถลองระบบเกมต่าง ๆ ได้ครบอย่างที่ต้องการ
แต่เอาล่ะ อย่างไรก็ตามวันที่เกมวางจำหน่ายเราก็น่าจะมีรีวิวออกมาให้อ่านกันเหมือนเดิมครับ อย่าลืมติดตามกันด้วยนะ!
ปล.สิ่งหนึ่งที่แอบขัดใจก็คือ ภาคนี้ก็ยังว่ายน้ำไม่ได้เหมือนเคยครับ ลงปุ๊บเจอ Brine มาล้อมตัวทันที ถ้าเป็นภาคแรกยังพอเข้าใจว่าอาจจะไม่อยากทำระบบว่ายน้ำก็เลยเขียนลอร์มารองรับ แต่ภาคสองแล้วทั้งทีทำให้ว่ายได้เหมือนเกมอื่น ๆ ก็ดีนา…
