*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment มา ณ โอกาสนี้ครับ
** รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
แฟรนไชส์นารุโตะนี้ ถือเป็นมังงะ/อนิเมระดับตำนานอีกเรื่องหนึ่งที่มีผู้ติดตามเยอะมาก ก่อให้เกิดเป็นสินค้าต่าง ๆ มากมายรวมถึงวิดีโอเกม ซึ่ง Naturo x Boruto Ultimate Ninja STORM CONNECTIONS นี้ ก็คือเกมภาคล่าสุดที่จับเอาเนื้อหาจากต้นฉบับมาเพิ่มเข้าด้วยเนื้อหาออริจินัลที่เดินเรื่องโดยโบรุโตะผู้เป็นลูกชายของนารุโตะ ในแบบฉบับของเกมอารีนาไฟติ้งครับ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นเชิญอ่านกันต่อไปเลย
เนื้อเรื่อง
สำหรับเนื้อเรื่องในเกมนี้ จะแบ่งออกเป็นสองโหมดด้วยกัน โหมดแรกคือโหมดประวัติศาสตร์ที่เราจะต้องทำการฟื้นฟูประวัติศาสตร์โลกนินจา ซึ่งก็คือการย้อนเรื่องราวของนารุโตะตั้งแต่ตอนแรกในวัยเด็ก เรื่อยมาจนถึงศึกตัดสินกับเพื่อนรักซาสึเกะในตอนจบ แต่จะเป็นการเล่าในสไตล์ที่ค่อนข้างรวบรัดและหยิบยกเฉพาะการต่อสู้สำคัญ ๆ มาให้สัมผัสกัน
ส่วนอีกโหมดหนึ่งจะเป็นโหมดเนื้อเรื่องพิเศษที่จะเดินเรื่องโดยโบรุโตะ โดยที่โบรุโตะกับเพื่อนฝูงได้ไปรู้จักกับเกม VR แบบใหม่ล่าสุดที่ชื่อ Ninja Heroes มา แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องเข้าไปพัวพันกับแผนการร้ายครั้งใหญ่ขององค์กรก่อการร้ายที่ชื่อ “ศูนย์” ผู้ตั้งใจจะสร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลกนินจานั่นเอง
ใครที่คุ้นเคยกับเรื่องราวของนารุโตะอยู่แล้ว ก็น่าจะอิ่มกับเรื่องราวในโหมดประวัติศาสตร์อยู่เหมือนกันครับ เพราะตัวเกมเล่าได้ค่อนข้างครบถ้วนดี แต่ก็ไม่ได้มาลงลึกเหมือนนั่งดูอนิเมยาว ๆ เพียงแค่ว่าฉากเล่าเรื่องส่วนมากจะอาศัยเป็นการตัดภาพนิ่งจากอนิเมในแต่ละตอนมาประกอบกับเสียงบรรยาย แต่พวกฉากคัตซีน 3D เจ๋ง ๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้างครับ
พอมาเป็นโหมดเนื้อเรื่องพิเศษนี่ ด้วยความที่เป็นเนื้อหาออริจินัลก็เลยจะไม่มีการเลือกภาพนิ่งจากอนิเมมาใช้ แต่อาศัยบอกเล่าเรื่องราวโดยใช้ 3D โมเดลเพียว ๆ ซึ่งในหลายฉากที่เป็นคัตซีนสำคัญก็ทำออกมาได้ดีมีคุณภาพเหมือนกำลังดูอนิเมครับ ความรู้สึกของผมในแง่ของเนื้อหาโหมดนี้จะคล้ายเวลาเราดูพวกเวอร์ชัน Movie ของอนิเมแต่ละเรื่อง ที่ส่วนใหญ่จะไม่มีความเกี่ยวโยงกับเส้นเรื่องหลัก ขอแค่คุณรู้จักบรรดาตัวละครหลักอยู่บ้าง รู้ภูมิหลังนิดหน่อยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจ เพราะเนื้อหาก็ปิดจบในตัวเองแบบไม่มีอะไรค้างคาและจบได้ดีด้วยครับ
หากพูดถึงเนื้อหาเกมโดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่องพิเศษแล้ว ผมคิดว่าหากคุณเป็นแฟนนารุโตะและชอบเรื่องราวในโลกของนารุโตะล่ะก็ คุณจะสนุกไปกับเกมนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นครับ
เกมเพลย์
ในส่วนของเกมเพลย์นั้น เกมนี้จะมีรูปแบบการเล่นเป็นเกมไฟติ้งในแบบทีม 3 ปะทะ 3 หรือจะ 1 ปะทะ 1 ก็สุดแท้แต่ (และจำนวนตัวละครในทีมอาจเปลี่ยนไปในฉากเนื้อเรื่อง) ซึ่งแต่ละฉากจะเปิดพื้นที่ที่มีความกว้างพอประมาณให้วิ่งเล่นและหาจังหวะปะทะ หลบหลีก หรือดูเชิงกันไปจนกว่าจะจบการต่อสู้
ถ้ามองในแง่ของระบบพื้นฐานแล้ว เกมนี้ก็ใส่อะไร ๆ ในสไตล์นารุโตะเข้ามาหลายอย่างครับ ทั้งการแดชด้วยจักระ การปัดป้องเพื่อทำให้คู่ต่อสู้เสียหลัก ระบบหายตัวไปเข้าด้านหลัง การใช้คอมโบแล้วต่อด้วยไม้ตาย การสลับเพื่อนในทีมเพื่อโจมตีต่อเนื่อง ฯลฯ อะไรแบบนั้น
แต่ทีนี้ผมคิดว่าปัญหาของเกมหลัก ๆ เลยก็คือในแง่ของการเล่นแล้ว “มันเหมือนกันทุกตัวละครเลย” ครับ ในบรรดาตัวละครกว่า 100 ตัวในเกมนี้ที่มีให้เลือกใช้ทั้งจากซีรีส์นารุโตะและโบรุโตะนั้น ไม่ว่าจะเลือกใครมาก็มีวิธีเล่นแบบเดียวกัน การโจมตีต่อคอมโบที่ใช้การรัวปุ่มเดียวเหมือนกัน วิธีกดไม้ตายแบบเดียวกัน ระบบแดชเข้าแดชออก ระบบหายตัวเหมือนกัน ฯลฯ พอมองในแง่เกมไฟติ้งแล้ว ผมคิดว่ามันขาดความหลากหลายมากเกินที่จะทำให้แต่ละตัวนั้นโดดเด่นและมีความหมาย เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ต่างของแต่ละคนก็คือคาถานินจาคนละสองท่า และไม้ตายใหญ่คนละท่าแค่นั้นเอง
ระบบการเล่นแบบที่ว่านี้มันแย่ไหม? ผมคิดว่ามันไม่ได้แย่ในตัวมันเองนะครับ และถ้าไปอยู่ในเกมแนวที่เป็นแอ็กชันผจญภัยใส่องค์ประกอบอาร์พีจีลงไปก็น่าจะเข้าท่าไม่น้อยเลย ประเด็นคือเกมนี้มันเป็นไฟติ้งที่ความหลากหลายของตัวละครควรจะเป็นเรื่องสำคัญเนี่ยสิ มันเลยทำให้เวลาเล่นโหมดประวัติศาสตร์นี่ไม่ว่าจะต้องสลับไปเล่นเป็นใครก็ตาม คุณก็ไม่จำเป็นต้องสลับหรือปรับวิธีการเล่นเลยเพราะโดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกันหมดทุกตัว
หากจะมีอะไรที่ต่างจากการเล่นสไตล์ไฟติ้งแบบทั่วไปบ้างก็คงเป็นฉากสู้บอสขนาดใหญ่นี่ล่ะครับ ที่เกมเปลี่ยนกลายเป็นเกมแอ็กชันไปกลาย ๆ เพราะบรรดาบอสจะมีท่ากวาดขนาดใหญ่ที่คุณต้องหลบแล้วหาจังหวะเข้าตี และที่สำคัญคือพวกบอสนี่จะมีหลายเฟสให้คุณต้องคอยเล่นแบบระมัดระวังระดับหนึ่งเหมือนกัน แต่อะไรก็ไม่สู้ลำบากเท่าพวกตัวละครในร่างคนเหมือนกันแต่มีสถานะบอสนี่ล่ะครับ เพราะจู่ ๆ เกมก็จะเพิ่มความโกงให้กับตัวละครบอสเหล่านี้ แทนที่จะให้เราได้สู้ในแบบไฟติ้งปกติ เดิมที่หายตัวได้จำกัดครั้งแล้วต้องรอรีชาร์จ บอสพวกนี้ก็หลบได้เลยเรื่อย ๆ อะไรแบบนั้น มันเลยแอบประหลาดอยู่
นอกเหนือไปจากสองโหมดที่ว่ามาแล้ว คอนเทนต์ที่มีก็ไม่พ้นการสู้อิสระทั้งเล่นกันเองกับเพื่อน หรือเล่นแบบออนไลน์นั่นล่ะครับ ซึ่งจากระบบเกมที่ว่าไปนั้นผมมองว่าจะใช้เล่นจริงจังก็อาจจะไม่ค่อยได้ แต่ถ้าเล่นเอาสนุก ๆ กับเพื่อนฝูงล่ะก็พอได้อยู่ และถ้าพูดถึงความเป็นนารุโตะนี่ ในสารานุกรมก็มีคำอธิบายให้น่าจะแทบทุกอย่าง ทั้งตัวละคร ทั้งวิชา รวมถึงไอเท็มปรับแต่งตัวละครหรือภาพคัตอินเผด็จศึก ฯลฯ ที่เรียกได้ว่าถ้าคุณชื่นชอบผลงานต้นฉบับแล้วคุณจะอิ่มไปกับเกมได้เหมือนกัน
กราฟิกและการนำเสนอ
ในส่วนของกราฟิกนั้น ด้วยความที่สร้างมาจากมังงะและอนิเมทีมงานเลยเลือกใช้ภาพแบบเซลเฉด ซึ่งผลที่ได้ออกมานั้นก็ถือว่าถ่ายทอดความเป็นนารุโตะออกมาได้เยี่ยมครับ ตัวละครในเกมนั้นเรียกได้ว่าหลุดออกมาจากในอนิเมกันเป๊ะ ๆ ทุกรายละเอียด เสื้อผ้าหน้าผม ท่าไม้ตายต่าง ๆ ยิ่งพวกฉาก QTE ในการเล่นโหมดประวัติศาสตร์นี่ ทำออกมาได้รวดเร็ว โฉบเฉี่ยวและรุนแรงสุด ๆ หากใครเคยดูอนิเมมาก่อนก็ต้องประทับใจกับการนำเสนอแน่ ๆ แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นแฟนซีรีส์นี้ก็ยังสนุกไปกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกมนำเสนอได้อยู่ครับ
เสียงประกอบ
ในส่วนของเสียงประกอบนั้น ด้วยความที่ตัวเกมใช้นักพากย์จากในอนิเม ดังนั้นทุกตัวละครก็เลยจะได้ผู้ให้เสียงเดิมมาพากย์หมด มันเลยยิ่งทำให้ตัวเกมมีความเป็นอนิเมมากถึงมากที่สุด พวกเสียงเอฟเฟกต์อะไรต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดีในแบบที่คุ้นเคยครับ
ความคุ้มค่า?
สิ่งที่จะต้องพูดถึงก่อนเลยก็คือ สำหรับการต่อสู้ในโหมดประวัติศาสตร์ของเกมนี้ ถูกยกยอดมาจากภาค Naruto Shippuden Ultimate Ninja Storm ภาค 1 ถึงภาค 4 ที่ผ่านมาแบบขยำรวมกันครับ ดังนั้นหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะพวกฉาก QTE นั้นเป็นการหยิบของเก่ามาทั้งดุ้นเลย “แต่” สิ่งที่สำคัญคือเกมนี้จะเป็นการเล่าแบบสรุปย่อตั้งแต่วัยเด็กจนโต มันก็เลยทำให้หลายฉากหลายซีนโดนตัดออกไปด้วย เหลือแค่การเล่าแบบใช้ภาพนิ่งอนิเมแทนที่จะให้ได้เล่นกัน
เนื้อหาของเกมในโหมดประวัติศาสตร์ก็เลยเหมือนจะเป็นคอลเล็กชันก็ไม่ใช่ จะเป็นภาคใหม่ก็ไม่เชิงเพราะมันคือการตัดมารวมที่รวมไม่ครบน่ะครับ กลายเป็นว่าตัวเนื้อหาเกมจริง ๆ ก็มีแค่เนื้อเรื่องพิเศษของโบรุโตะแค่นั้น ดังนั้นถ้านับเอาแค่ของใหม่เลยเพียว ๆ ก็ถือว่าน้อยมากเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ภาคนี้เป็นภาคที่ได้รับการแปลภาษาไทยให้กับคำบรรยายทุกอย่างในเกม ซึ่งคุณภาพการแปลนั้นก็ยังคงยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของเกมจาก BNE ที่ผ่านมาครับ พวกชื่อท่าอะไรต่าง ๆ นี่คือถอดมาจากฉบับมังงะ/อนิเมที่เราคุ้นเคยกันเลย
สรุป
ผมคิดว่านี่คือเกมที่ทำออกมาสำหรับแฟน ๆ ของนารุโตะครับ ทุกอย่างมันอัดแน่นไปด้วยความเป็นนารุโตะเท่าที่จะทำได้ แต่หากว่าคุณติดตามซีรีส์เกม Ultimate Ninja Storm มาทุกภาคล่ะก็ อาจจะมีคำถามเรื่องความคุ้มค่าอยู่เหมือนกันเพราะครึ่งนึงของเนื้อหาเกมคือการเอาของเก่ามาขายใหม่ (ในแบบที่ไม่ครบ) แต่ถ้าคุณไม่เคยเล่นซีรีส์นี้มาก่อนเลยก็อาจจะรู้สึกว่าได้เนื้อได้หนังจากเกมมากกว่าคนที่เคยเล่นก็เป็นได้ครับ