*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก THQ Nordic มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
การเข้าป่าล่าสัตว์นี่เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับอารยธรรมมนุษย์มาแต่ช้านานครับ ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีมุมมองต่อการที่มนุษย์จะแบกไรเฟิลเข้าป่าเพื่อไปส่องสัตว์ยิงเปรี้ยงแล้วนำเอาซากมาสตัฟฟ์ไว้ประดับบ้าน หรือนำเอาเนื้อมากินเอาหนังเอากระดูกไปขายอย่างไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือกิจกรรมนี้เป็นสิ่งที่คงจะอยู่ควบคู่กับมนุษย์ไปจนตราบฟ้าดินสลาย แต่ว่าสำหรับใครที่อยากรู้ว่าการล่าสัตว์นั้นมันให้ความรู้สึกอย่างไรโดยที่ไม่อยากจะไปสร้างเวรสร้างกรรมด้วยมือของตัวเองล่ะก็ เกม Way of the Hunter จึงถือกำเนิดมาเพื่อการนั้นนั่นล่ะครับ
เนื้อเรื่อง
หน้าเกมของ Way of the Hunter นี้ดูจะเป็นเกมจำลองชีวิตของพรานป่ามือฉมังที่สามารถบุกป่าฝ่าดงเมื่อใด กลับออกมาจะต้องได้ซากสัตว์ตัวเบิ้ม ๆ กลับมาเสมอ แต่เอาเข้าจริงตัวเกมนี้ก็มีเนื้อเรื่องในตัวเองอยู่นะครับ ไม่ใช่แค่เป็นการจับผู้เล่นหย่อนปุลงไปในพื้นที่แบบโอเพนเวิลด์แล้วให้ตระเวนส่องสัตว์ไปเรื่อยเปื่อย
ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น River Knox (ริเวอร์ นอกซ์) สตันท์แมนแห่งวงการหนังฮอลลีวูด ที่ขับรถมายังพื้นที่กว้างใหญ่อันเขียวขจีรายล้อมไปด้วยหุบเขาแห่ง Nez Perce Valley (เนซ เพิร์ซ วัลเลย์) ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยเขามาที่นี่เพื่อให้การช่วยเหลือแก่คุณตาของเขาอย่าง Wallace Elliot Willow (วอลเลซ เอลเลียต วิลโลว์) ในการดำเนินสัมมาอาชีพล่าสัตว์ขายต่อไปด้วยเหตุที่วอลเลซนั้นล้มป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล และเมื่อริเวอร์มาถึง Bear Den Ranch (แบร์ เดน แรนช์) แล้ว ชีวิตพรานป่าของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ถ้าจะว่ากันในส่วนของเนื้อหาในเกมนี่ จะนำเสนอในแง่มุมดราม่าเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของริเวอร์เป็นส่วนใหญ่ครับ ทั้งในวัยเด็กที่พ่อของเขาไม่เห็นด้วยกับการที่เขาจะล่าสัตว์และมักจะขัดแย้งกับตาของเขาบ่อยครั้ง และตลอดเรื่องราวก็มักจะสอดแทรกประเด็นว่าด้วย ethical hunting (การล่าสัตว์อย่างมีจริยธรรม) เข้ามาเนือง ๆ ซึ่งประเด็นเรื่องการล่าสัตว์อย่างมีจริยธรรมนี่ก็จะปรากฏชัดเจนในแง่ของเกมเพลย์ด้วย โดยรวมแล้วเนื้อหาก็พอดูได้เพลิน ๆ และก็ชวนให้อยากติดตามต่อเหมือนกัน แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ติดตามต่อไม่ได้นี่…เดี๋ยวผมจะเล่าต่อไปครับ
รูปแบบการเล่าเรื่องราวของเกมนี้ นำเสนอในรูปแบบของการ์ตูนคอมิคที่มีการวาดแบ่งกรอบ มีช่องคำพูดของตัวละครชัดเจน ก็ถือเป็นรูปแบบที่แปลกตาดีใช้ได้ แต่ในอีกแง่มุมผมก็อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะทีมสร้างเองไม่มีทุนพอที่จะทำฉากคัตซีนด้วยโมเดลตัวละครที่ขยับท่าทางไปมาได้ก็คงเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน เพราะจุดสังเกตอย่างนึงก็คือนอกเหนือจากโมเดลตัวละครที่เราเล่นอย่างริเวอร์แล้ว เท่าที่ผมเล่นมาผมไม่เจอตัวละครที่เป็นคนอีกเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครสำคัญคนไหนก็จะมีแค่การคุยหลังประตูบ้าง คุยผ่านวิทยุบ้าง กระทั่งว่าเวลาไปที่บ้านไร่ริมป่าของคนอื่นก็ไม่เจอแม้แต่เงา แต่จะมีแค่การทิ้งจดหมายเอาไว้ให้เราอ่านเป็นการสื่อสารเท่านั้นเอง
เกมเพลย์
ในแวบแรกที่เห็น Way of the Hunter มีลักษณะคล้ายกับเกม FPS โอเพนเวิลด์หลาย ๆ เกมที่ให้คุณไปไหนมาไหนทำอะไรได้อิสระ ซึ่งในแง่นึงมันก็ใช่ล่ะครับ แต่ว่าวัตถุประสงค์หลักในการนำเสนอของเกมนี้คือความสมจริงของการล่าสัตว์ ดังนั้นทุกอย่างที่คุณจะต้องทำ ทุกอย่างที่ต้องคำนึงถึงจึงละเอียดยิบแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว นั่นคือถ้าคุณจะล่าอะไรสักตัวคุณต้องสะกดรอยพวกมัน ต้องมองหารอยเท้า สำรวจจุดที่พวกมันหากิน จุดที่พวกมันมาดื่มน้ำ หรือจุดที่พวกมันจะหลับพักผ่อน ฯลฯ
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่การเข้าหาสัตว์ก็เป็นสิ่งที่คุณจะต้องพึงสังวรไว้ตลอดเวลา ถ้าคุณวิ่งหน้าตั้งถือปืนไรเฟิลกะเข้าไป 360 no scope ในแบบที่ทำได้ในเกม FPS หลาย ๆ เกมล่ะก็ คุณจะไม่มีทางยิงอะไรได้เลย เพราะบรรดาสัตว์ในเกมนี้ตาดีมาก หูก็ดี จมูกก็ยิ่งดี กว่าจะเข้าไปใกล้ได้แต่ละทีคุณต้องย่องแล้วย่องอีก แค่นั้นไม่พอต้องคำนึงถึงทิศทางลมด้วย เพราะถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราอยู่เหนือลมสัตว์ก็จะตื่นแล้ววิ่งหนีไปก่อนที่คุณจะได้เจอตัวมันด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เอง จังหวะของเกมจึงเป็นไปในแบบเนิบช้ามาก บางครั้งช้าจนเกินจะทนไหวด้วยเหมือนกัน เพราะที่สำคัญคือต่อให้คุณรู้ข้อมูลเยอะแค่ไหน วางแผนล่วงหน้าเพียงใด มีกำหนดเวลาชัดเจนว่าสัตว์ชนิดนี้จะมีกิจกรรมแบบไหนในช่วงกี่โมง พอเอาเข้าจริงคุณอาจไม่เจอสัตว์เลยสักตัวโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรพลาดไปครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมเล่นมามีหลายครั้งเลยที่ผมเปิดเกมเล่นมาในหนึ่ง session แล้วก็ได้แต่ขับรถเรื่อยเปื่อย ไม่ก็วิ่ง เดิน คลานไปทั่วฉากเป็นชั่วโมงโดยที่ไม่ได้ยิงปืนเลยสักนัดเดียว
ถามว่าแล้วเกมนี้มีระบบช่วยเหลืออะไรบ้างไหม? ก็มีอยู่ครับนั่นคือระบบ Hunter Sense ซึ่งถ้าให้อธิบายง่าย ๆ มันก็เหมือนเวลาเรากดเปิดโหมดดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือสแกนกรรมในหลาย ๆ เกมนั่นแหละ ที่พอใช้งานแล้วมันจะทำให้เราได้เห็นได้รับรู้ข้อมูลที่จำเป็นมากขึ้น ซึ่งในกรณีของเกม Way of the Hunter นี้ก็คือมันทำให้เรามองเห็นจุดสำรวจในฉากได้ชัดเจนขึ้น พวกรอยเท้าสัตว์ มูลสัตว์ จุดสำคัญเช่นที่นอน ที่กิน อะไรพวกนั้น และในบางครั้งก็ทำให้เรารู้ตำแหน่งเสียงของสัตว์ที่ห่างไกลออกไปได้แถมมีบอกระยะความห่างเสร็จสรรพ
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า อ้าว มันก็น่าจะง่ายนี่หว่า? ประเด็นคือผมรู้สึกว่าระบบมันพึ่งพาไม่ค่อยได้ครับ หลายครั้งที่เกมจะแสดงให้เห็นว่ามีเสียงกวาง หรือเสียงสัตว์อื่น ๆ แต่พอเราพยายามเข้าใกล้ไปถึงจุดหนึ่ง เกมมันก็ไม่แสดงเสียงขึ้นมาแล้ว เหมือนจู่ ๆ ก็อันตรธานไปมิหนำซ้ำพอตอนไปถึงตำแหน่งที่ควรจะมีสัตว์อยู่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา
สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมหลายครั้งมันทำให้ผมไม่แน่ใจว่าปัญหามันอยู่ที่อะไร เป็นที่ตัวระบบของเกมเอง เป็นที่ spawn rate มันแย่ เป็นที่ตัวเกมจงใจให้สัตว์ต้องโผล่ในเกมห่างจากเรามาก ๆ ทุกครั้ง หรือเป็นที่ฝีมือเรามันห่วยทั้งที่เดินย่อเนิบนาบในเกมจนจะเป็นออฟฟิศซินโดรมรอมร่อ เพราะมีหลายครั้งมากที่ผมเดินย่อตามเสียงไปจากระยะห่าง 200 เมตรแต่พอเข้าไปใกล้จุดนึง ผมก็ฟังเสียงสัตว์ที่จะล่าไม่ได้ยินอีกแล้ว เหมือนอยู่ ๆ ก็โดนเกม despawn ไปเอง และซึ่งอะไรแบบนี้นี่แหละที่มันทำให้เป็นตัวขวาง progress ในส่วนของเนื้อเรื่องไปโดยปริยายครับ
มีหลายครั้งเลยที่ผมเพียรพยายามจะหาสัตว์เพื่อล่าแต่ไม่เจอสักตัว แต่จังหวะที่ขับรถเรื่อยเปื่อยก็มักจะเจอฝูงกวางอยู่ข้างทาง ซึ่งก็แน่นอนว่าพอตอนที่เรากุลีกุจอลงจากรถมาปุ๊บ พวกมันก็จะวิ่งหนีไปปั๊บทุกครั้ง ในบางรอบสิ่งที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าล่าได้แน่นอนเลยกลายเป็นการขับรถชนไปซะอย่างนั้น (ซึ่งก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเกมจะไม่ให้ราคากับการขับรถชนสัตว์หรอกนะครับ)
แต่เอาล่ะ ระบบนึงที่ผมคิดว่าตัวเกมทำเอาไว้ได้น่าสนใจก็คงไม่พ้นระบบการยิงจุดต่าง ๆ ของตัวสัตว์ซึ่งจะเป็นการกำหนดคุณภาพในการล่าและราคาที่คุณจะขายได้ครับ (ถ้าวันนั้นคุณโชคดีเจอสัตว์ให้ยิงน่ะนะ) อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นว่าเกมนี้เน้นความสมจริงในการล่ามาก ดังนั้นตำแหน่งแต่ละจุดที่คุณยิงก็จะเกิดผลที่ต่างกัน อย่างเช่นหากคุณยิงโดนปอด สัตว์ตัวนั้นจะไม่ตายทันทีแต่มันจะกระเผลกหนีไป ซึ่งคุณจะต้องอาศัยการสะกดรอยจากหย่อมเลือดบนพื้น สีเลือดที่ออกจากปอดจะมีสีชมพูพร้อมด้วยเลือดมีฟองเมื่อสำรวจ แต่หากคุณยิงโดนหัวใจสัตว์ตัวนั้นก็จะล้มลงตายคาที่ทันที เป็นต้น หากว่าใครเคยอ่านนิยายอย่างเพชรพระอุมาแล้วจินตนาการไม่ค่อยออกกับฉากที่บรรยายตอนรพินทร์ ไพรวัลย์ยิงสัตว์ล่ะก็ เกมนี้อาจทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นได้ในระดับหนึ่งครับ
แน่นอนว่ายิ่งคุณจบชีวิตสัตว์ที่ล่าได้เร็วแค่ไหน คุณภาพของสัตว์ที่ล่าได้ก็จะยิ่งดีตามรวมถึงราคาก็จะสูงขึ้นด้วย (และเงินที่ได้มาคุณก็จะได้นำไปซื้อปืนใหม่หรืออุปกรณ์ใหม่ที่จะทำให้ล่าได้ง่ายขึ้น) แต่ถ้าคุณไม่ขาย คุณก็จะสามารถเก็บสัตว์นั้นไว้เพื่อนำมาสตัฟฟ์ประดับในแบร์ เดน แรนช์ของคุณก็สุดแท้แต่จะต้องการ
โดยรวมในแง่ของการเล่นนี่ผมชอบเอาการเลยนะครับ ด้วยความที่เกมเน้นความละเอียดในเรื่องของปืนที่ต้องใช้กับสัตว์ที่ต้องล่าสูงมาก ปืนไรเฟิลเทียร์สูง หัวกระสุนขนาดใหญ่ก็เหมาะที่จะนำไปยิงสัตว์ใหญ่พวกกวางมูสมั่ง ยิงหมีมั่ง แต่ถ้าเป็นปืนลูกซองที่ยิงกระสุนเป็นลูกปรายขนาดเล็ก ก็ควรนำไปยิงพวกสัตว์ปีกที่มักบินหนีอย่างเช่นไก่ฟ้าหรือเป็ดป่าแทน เพราะขืนคุณเอาไรเฟิลพลังแรงสูงไปยิงเป็ดป่านี่ก็คงไม่เหลืออะไรให้เก็บมาขายเหมือนกัน
ทีนี้ประเด็นสำคัญก็คือ ตัวเกมมีบั๊กประปรายตลอดเวลาที่ผมเล่น ซึ่งบั๊กพวกนี้มันไม่ใช่บั๊กสำคัญระดับที่ทำให้เล่นต่อไม่ได้ แต่พอเจอบ่อย ๆ มันก็ชวนหงุดหงิดเอาเรื่องอยู่ อย่างแรกเลยก็คือบั๊กที่เวลากดหน้าจอแผนที่แล้วเกมดันไม่ขึ้นไอคอนที่ต้องการเห็นครับ โดยเฉพาะไอคอนที่จะบอกตำแหน่งที่อยู่ที่กินของสัตว์ที่เราต้องการล่า และในบางครั้งตำแหน่งของตัวละครเราก็หายไปจากแผนที่เลย วิธีแก้ก็คือต้องกดออกจากเกมแล้วเข้ามาใหม่
แต่บั๊กที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือจังหวะ spawn ของสัตว์ที่หลายครั้งมันพิสดารจนขำ และเป็นการ spawn ที่ช่วยคนเล่นได้กลาย ๆ ครับ มีอยู่สองถึงสามครั้งในการเล่นที่ผมเจอฝูงเป็ดป่ายืนเฉย ๆ ลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ได้บิน พอลองยิงไปมันก็ร่วงลงมาตายบนพื้นโดยที่ตัวอื่น ๆ พยายามบินหนีแต่บินได้แค่อยู่กับที่ ทุกอย่างจึงจบลงที่ผมยืนส่องจนหมดฝูง อีกครั้งหนึ่งคือผมเจอกวางมูสที่วิ่งลอยอยู่กลางอากาศ พอผมลองยิงมันไปหนึ่งทีมันก็ทำท่าจะวิ่งหนีแต่แป๊บเดียวก็กลับมาเดินต่อ พอผมยิงซ้ำไปอีกครั้ง เพียงครู่เดียวมันก็ร่วงลงมานอนตายบนพื้นดิน และยังมีอะไรแปลก ๆ มากมายที่พบเจอในระหว่างเล่นเกมนี้ครับ
กราฟิก
ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ แล้วผมว่ากราฟิกของเกมนี้ทำออกมาดูดีพอควรเลยนะครับ พวกบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพรนี่ทำออกมาให้ความรู้สึกเหมือนไปเดินป่าลุยดงลงหนองน้ำอะไรแบบนั้นได้ดีอยู่ พวกโมเดลสัตว์นี่ทำออกมาได้เนี้ยบดีใช้ได้ รวมถึงบรรดาปืนไรเฟิลต่าง ๆ ที่เราถือนี่ผมรู้สึกว่าพวกพื้นผิววัสดุนี่ทำออกมาได้ดูดีเหมือนกำลังถือปืนจริง ๆ ซึ่งส่วนนึงคิดว่าคงเพราะเกมไปขอไลเซนส์ปืนจริงมาจาก Remington และ Steyr Arms นี่แหละครับ
แต่กระนั้น โมเดลตัวละครที่เราเล่นอย่างริเวอร์นี่กลับออกมาดูค่อนข้างสวนทางกับโมเดลสัตว์และฉากต่าง ๆ ไปหน่อยเหมือนกันครับ แต่เข้าใจว่าคงเป็นเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เกมจะเน้นอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็แอบหวังว่ามันจะดีกว่าที่เป็นอยู่นิดนึงครับ ที่สำคัญคือเกมมีปัญหาเรื่องการโหลดเท็กซ์เจอร์ฉากไม่ทันอยู่เนือง ๆ ซึ่งมักจะเห็นได้ชัดเวลาที่คุณใช้ระบบ Fast Travel ไปที่ใดที่หนึ่งซึ่งเกมจะต้องใช้เวลาสักสามหรือสี่วินาทีกว่าจะโหลดวัตถุต่าง ๆ ขึ้นมาได้อย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่ามันจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไร แต่พอได้เห็นก็รู้สึกว่ามันไม่เนี้ยบครับ
เกมนี้มี Photo Mode ด้วยครับ ซึ่งในแง่ของการปรับแต่งนี่ผมว่าอยู่ในระดับพอผ่าน คือมีฟิลเตอร์มีอะไรให้ปรับได้แบบเหมือน ๆ กับที่หลายเกมมี แต่ยังขาดลูกเล่นพอควรเช่นการปรับไซส์ภาพ เพิ่มเติมกรอบรูป แปะโลโก้หรืออะไรทำนองนั้น ทว่าสิ่งที่เข้าขั้นแย่เลยก็คงไม่พ้นโมเดลของตัวละครริเวอร์ในโฟโต้โหมดครับ ถ้าคุณลองย่อแล้วก้มมองพื้น หรือยืนแล้วแหงนมองฟ้า สิ่งที่ออกมา…จะดูผิดมนุษย์ไปมากทีเดียว
เสียงประกอบ
เกมนี้เป็นเกมที่เงียบมากในแง่เพลงประกอบครับ ทั้งเกมนี่แทบไม่มีเสียงเพลงบรรเลงเลย แม้แต่เพลงจากวิทยุก็ไม่มีแต่อันนี้เข้าใจได้เพราะคนที่ออกล่าสัตว์จริง ๆ ก็คงไม่มีใครเปิดเพลงฟังกระหึ่มให้สัตว์แตกตื่นหนีไป ดังนั้นสิ่งที่คุณจะได้ยินตลอดเกมก็จะเป็นพวกบรรดาเสียงเอฟเฟคต์ต่าง ๆ ที่ละเอียดมาก สิ่งที่ผมต้องชมจากใจจริงก็คือเสียงปืนครับ การยิงแต่ละนัดนี่เสียงดังฟังชัดสมจริงมาก ๆ ชนิดที่ว่าถ้าคุณเผลอเปิดเสียงดังหน่อยคนบ้านใกล้เรือนเคียงอาจจะตกใจว่าใครยิงปืนจริง ๆ ขนาดนั้นเลย
นอกจากเสียงปืนแล้ว สิ่งที่ผมคิดว่าทำได้ดีมากเลยก็คือพวกเสียงสัตว์ต่าง ๆ ครับ ยิ่งตอนที่เดินเข้าพื้นที่ป่าแล้วเสียงนกเอย เสียงกบเอย เสียงอะไรต่ออะไรที่ดังทั่วไปหมดนี่มันให้บรรยากาศเหมือนเราอยู่ในป่าแท้ ๆ เลย
สรุป
Way of the Hunter เป็นเกมล่าสัตว์ที่สมจริงมาก อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำจนมันเล่นไม่สนุกครับ ด้วยจังหวะเกมที่เนิบช้าและบั๊กประปรายที่เจอ ทำให้การล่าในแต่ละครั้งของคุณต้องการขันติในระดับที่ราวกับคุณจะมุ่งบรรลุมรรคผล หาไม่แล้วคุณก็จะเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจในแต่ละรอบที่เล่นจนนึกอยากขับรถชนสัตว์ให้มันจบ ๆ ไปเลย ซึ่งก็ขัดกับความมุ่งหมายที่เกมจะสื่อนั่นล่ะครับ ถ้าคุณอยากจะลองสัมผัสประสบการณ์ล่าสัตว์ด้วยตนเอง ก็ลองหามาเล่นกันได้ครับ บางทีคุณอาจจะชอบมากก็ได้นะ