Reviews

รีวิวความรู้สึกระหว่างเล่น Redfall (Review in Progress)

by Reviewer Ocelot

รีวิวความรู้สึกระหว่างเล่น Redfall (Review in Progress)

รีวิวความรู้สึกระหว่างเล่น

Redfall (Review in Progress)

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bethesda Softworks มา ณ โอกาสนี้ครับ

**รีวิวนี้มาจากประสบการณ์เล่นเกม 5 ชั่วโมงแรก

***รีวิวนี้เล่นบน PC

สเปกคอมที่ใช้เล่นเกมนี้คือ

Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz   2.90 GHz

NVIDIA GeForce RTX 3070

RAM 32 GB

พื้นที่ติดตั้ง 77.36 GB

ถ้าใครติดตามโชว์เคสของทาง Xbox มาตลอด Redfall น่าจะเป็นชื่อที่มีความพยายามจะชูให้เป็นอีกไฮไลต์ที่น่าจับตามอง และหน่วยก้านของทีมพัฒนาก็ทำให้เชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ

เมื่อวันศุกร์ที่ 28 เมษายน เราได้รับเชิญให้ไปเยือน Redfall เมืองสมมติที่ทาง Arkane Austin ภูมิใจจะให้เป็นสนามเล่นให้เราได้ใช้พลังพิเศษและกระสุนปะทะกับคมเขี้ยวของเหล่าแวมไพร์กระหายเลือด แต่คำถามสำคัญคือ Redfall จะสามารถดับกระหายความมันของผู้เล่นได้อย่างสาสมใจรึเปล่า เรื่องนี้ต้องคุยกันครับ

และด้วยความที่บทความนี้คือ รีวิวแบบ In Progress (รีวิวที่บอกเล่าความรู้สึกก่อนจะตัดสินใจขั้นสุดท้าย) ผมเลยขอสรุปออกมาเป็นหัวข้อให้เข้าใจกันง่าย ๆ ก่อนดีกว่าว่าตอนนี้ผมไปเจออะไรมาบ้างใน Redfall

Redfall คืออะไร

  • Redfall เป็นเกมแนวชูตเตอร์ลูตเตอร์มุมมองบุคคลที่หนึ่ง ที่จะให้คุณสวมบทเป็นตัวละคร 4 คนออกไปบุลลี่แวมไพร์กับพวกสมาชิกลัทธิในเมือง Redfall
  • จะเล่นเกมนี้คนเดียว หรือเล่นกับเพื่อนก็ได้ ซึ่งเราสามารถชวนเพื่อนรวมตัวเราได้สูงสุดถึง 4 คน โดยความยากของศัตรูจะขึ้นอยู่กับเลเวลของคนเป็นโฮสต์ และจำนวนคนที่อยู่ในปาร์ตี
  • ตัวละครทั้ง 4 ต่างมีเบื้องหลัง แรงจูงใจ รวมถึงสกิลเฉพาะตัวที่จะทำให้การเล่นเกมมีความหลากหลายขึ้น แต่ถ้าเลือกคนไหนแล้วคุณจะไปเปลี่ยนเอากลางทางระหว่างดำเนินเรื่องไม่ได้
  • มีระบบอัปเลเวลตัวละคร ยิ่งตัวละครมีเลเวลสูง ก็จะมีแต้มเอาไปใช้ปลดล็อกสกิลประจำตัวให้ดียิ่งขึ้น หรือสกิลที่ให้คุณประโยชน์ทั่วไปกับตัวละคร
  • โลกของเกมจะมีลักษณะเป็นโอเพ่นเวิลด์แบบมาตรฐาน มีระบบ Fast Travel ให้ใช้
  • อาวุธในเกมจะมีความแตกต่างหลากหลายทั้งรูปแบบการใช้งาน และระดับความหายากซึ่งแบ่งด้วยสีคล้ายเกมลูตเตอร์ชูตเตอร์ทั่วไป
  • การดำเนินเรื่องแบบเควสต์หลักจะใช้วิธีการไปสำรวจโต๊ะบัญชาการ แล้วกดยอมรับเควสต์
  • เกมมีระดับความยากให้เลือก 4 ระดับ โดยระดับความยากสูงสุด (Eclipse) จะปลดล็อกก็ต่อเมื่อเล่นจบภารกิจหลักแล้ว 1 รอบ
  • ผีดูดเลือดที่เป็นศัตรูในเกมจะตายก็ต่อเมื่อเราลดพลังชีวิตมันจนถึงระดับหนึ่ง แล้วเข้าไปใช้อาวุธปราบแวมไพร์แทงมัน หรือจะใช้ของและสกิลที่พวกมันแพ้ทางก็ได้

จุดที่น่าสนใจ

  • ความเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครทั้ง 4 ถูกขับเน้นออกมาดี แต่ละตัวมีพื้นเพและลักษณะนิสัยน่าสนใจ แล้วต้องมาร่วมหัวจมท้ายกันในเมืองแวมไพร์ อย่าง Jacob ที่ผู้เขียนเลือกมาเล่นก็จะมีสกิลที่ดูจากดาวอังคารก็รู้เลยว่าไอ้นี่ถนัดงานลอบเร้น ลอบสังหาร ซึ่งตรงกับพื้นเพของเขาที่เป็นทหารรับจ้างมาก่อน สิ่งที่น่าสนใจคือถึง Jacob ดูจะเป็นตัวละครที่น่าจะต้องอาศัยเพื่อนดึงความสนใจศัตรูแล้วตัวเองคอยส่องหัวข้างหลัง แต่เกมก็ออกแบบให้เราสามารถเล่น Jacob แบบคนเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา แค่รู้จักการใช้สกิลติดตัวอย่างการปล่อยอีกาตรวจเส้นทาง แล้วใช้สไนเปอร์ส่องหัวจากระยะไกล หรือ ใช้การล่องหนในสถานการณ์คับขันและเป่าหัวศัตรูเนียน ๆ ก็ทำได้ คิดว่าตัวละครอีก 3 ตัว ก็น่าจะเอามาใช้เล่นคนเดียวได้เหมือนกัน ตรงจุดนี้ก็อาจช่วยลดความกังวลของคนที่คิดว่าเกมนี้ไม่น่าจะเล่นคนเดียวได้
  • แต่ละตัวละครยังมีท่าอัลติเมตประจำตัว อย่างของ Jacob จะเรียกสไนเปอร์ผีมาใช้ ความสามารถพิเศษของมันคือการลากหัวคม ๆ ศัตรูให้อัตโนมัติและยิงแรงแบบสุด ๆ พูดได้ว่าใช้พลิกเกมตอนโดนรุมเยอะ ๆ ได้เลย มันให้ความรู้สึกว่า เออ นี่แหละมันคือท่าไม้ตายสุดยอดจริง ๆ ซึ่งตัวละครอีก 3 ตัวจะให้ความรู้สึกเดียวกันหรือเปล่า อันนี้ต้องคอยดู
  • ประวัติตัวละครทั้ง 4 เหมือนคนเขียนมาจากประเทศกัญชาเสรี แต่ละคนมีประวัติกาว ๆ ทั้งนั้น อย่าง Jacob ที่เป็นทหารรับจ้าง มีบุคลิกเจ้าบทเจ้ากลอน เป็นทาสแมวสุดหัวใจ ใครทำร้ายแมวจะรู้สึกโกรธแค้นมาก แต่กับอีกาคู่ใจนั้นเรียกซะเป็นคนใช้ ส่วน Layla ก็มีท่าอัลติเมทที่เรียกแวมไพร์ซึ่งเคยเป็นแฟนเก่ามาช่วยได้…
  • เกมยังมีระบบที่เรียกว่า Trust คือยิ่งเล่นกับตัวละครอื่นมากเท่าไร ก็จะปลดล็อกรางวัลพิเศษอย่าง บทสนทนาใหม่ ค่าพลังแบบใหม่ เช่น ลดเวลาการคืนชีพให้น้อยลง ได้รับความเสียหายน้อยลง
  • การสร้างโลกในเกมนี้ Arkane Austin ยังทำได้น่าสนใจ ทั้งที่มันก็เป็นแค่เมืองเมืองหนึ่ง แต่จุดเด่นของมันคือ Lore ที่อธิบายปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขนาดที่สามารถดับแสงอาทิตย์ แช่คลื่นให้โอบล้อมตัวเมืองจนไม่มีใครผ่านเข้าออกได้ เรื่องราวของเทพเจ้าแวมไพร์ก็มีจุดยั่วน้ำลายสายเสพเนื้อเรื่องได้ไม่น้อย

จุดที่ต้องเฝ้าระวัง

  • ตัวเกมไม่มีการจับคู่แบบสุ่ม นั่นหมายความว่าผู้เล่นจะสามารถชวนเพื่อนมาเล่นได้ก็ต่อเมื่อคนนั้นเป็นเพื่อนใน Friend List ของ Bethesda.net ที่มีเกมเหมือนกันเท่านั้น (ใช่แล้ว คุณต้องสมัคร Bethesda.net ด้วย ถึงจะเล่นเกมได้) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก เพราะระบบดูจะสนับสนุนการเล่นหลายคน แต่ตัวเกมกลับไม่ได้รองรับระบบจับคู่ผู้เล่นแบบสุ่มไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะลืมคิด ก็อาจมาจากการที่ทีมพัฒนามั่นใจในเกมของตัวเองมากว่าจะมีคนเล่นจำนวนเยอะมากพอ (ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ เพราะเกมนี้ลง Xbox Gamepass)
  • ถึงตัวเกมจะบอกว่ามีแผนที่โอเพ่นเวิลด์ 2 แผนที่ให้เล่น แต่จากที่ได้เดินเล่นแผนที่แรกมา ถ้าไม่นับความซับซ้อนของทางเดินในบ้าน หรือ อาคาร ความจริงแล้วแผนที่ดูไม่ได้มีขนาดใหญ่และออกจะดูเล็กด้วยซ้ำ แต่ต้องรอเข้าไปเล่นในแผนที่ที่สองก่อน
  • ความหลากหลายของศัตรูก็เป็นเรื่องน่ากังวล จากที่เล่นภารกิจหลักมา 4-5 ภารกิจ ยังเจอแวมไพร์ที่ใช้รูปแบบโจมตีต่างกันแค่ 3-4 ชนิด ส่วนพวกกีกี้สาวกลัทธินี่ไม่ต้องพูดถึง มีแค่ถืออาวุธต่างกันไป บางตัวก็ถือโทรโข่งเรียกพวก
  • ถ้าไม่นับพวกตัวละครเอกทั้ง 4 ตัวละคร NPC ค่อนข้างจืดจาง ไม่ค่อยได้เห็นใครที่สะดุดตามากเท่าไร ทั้งในแง่การแสดงออกและบทสนทนาต่าง ๆ
  • Performance บน PC ค่อนข้างมีปัญหา ทั้งที่งาน Art Direction ของเกมไม่ได้จำเป็นต้องอาศัยพลังกราฟิกเยอะ และ PC ที่ใช้ก็เข้าเกณฑ์ที่แนะนำแล้ว แต่การกระตุก การโหลดฉากไม่ทัน เฟรมหล่นร่วง ยังมีให้เห็นเป็นระยะ ๆ
  • ยังมีบั๊กให้เห็นประปรายเช่นการเก็บไอเทมไม่ได้ การที่ตัวศัตรูจมหายไปในกำแพงหรือในพื้น ศัตรูมองไม่เห็นเราแม้เราจะเอาลูกซองจ่อหน้ามันแล้วก็ตาม
  • แอนิเมชันยังมีลักษณะเก็บงานไม่ค่อยดี อย่างการเสียบแวมไพร์แล้วเอาเท้าถีบหน้า หลายครั้งเท้าไม่ได้อยู่บนหน้าแวมไพร์ตรง ๆ มันเลยเหมือนถีบอากาศแล้วแวมไพร์กระเด็นไปเอง

ผมรู้ว่า 5 ชั่วโมงกว่าเป็นอะไรที่ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินขั้นสุดท้ายว่า Redfall เป็นยังไง แต่ก็เป็นระยะเวลาที่นานพอสำหรับคนคนนึงที่จะตัดสินใจซื้อไม่ซื้อ หรือเล่นไม่เล่น สำหรับผมแล้ว Redfall ในช่วงต้นเกมมีการแนะนำโลกที่น่าสนใจ ระบบต่อสู้ด้วยปืนและพลังวิเศษอยู่ในขั้นมีรสชาติใช้ได้ แต่ผมยังไม่สัมผัสถึงความว้าวที่มากพอจะสะกดนิ้วผมให้จิ้มปุ่มละลายเงินสองพันกว่าบาทตอนเกมออกวันแรก ถึงแบบนั้น ถ้าถามว่าเกมนี้น่าลองมั้ยสำหรับคนมี Xbox Gamepass ผมก็ต้องตอบว่า แน่นอน

ขอย้ำอีกครั้งว่า นี่เป็นการรีวิวช่วงต้นเกมเท่านั้น ช่วงท้ายเกมอาจจะมีอะไรที่ดุเดือดจนผมอยากจะมาลบบทความนี้แล้วโยนมันลงถังขยะข้อมูลก็ได้ ก็ต้องมารอดูกันเมื่อผมเล่นเกมนี้จนจบแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์