Games Reviews

Immortals of Aveum – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Immortals of Aveum – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Electronic Arts มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5

Immortals of Aveum เป็นเกมที่พัฒนาโดยทีมงาน Ascendant Studios ซึ่งแม้ว่าจะเป็นสตูดิโอน้องใหม่ แต่สมาชิกในสตูดิโอแห่งนี้ต่างก็ประกอบไปด้วยผู้ที่คร่ำหวอดในวงการวิดีโอเกมมาเป็นเวลานานครับ โดยที่คุณเบร็ต รอบบินส์ (Bret Robbins) รวมถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ต่างก็เคยเป็นพนักงานของ Electronic Arts กันทั้งนั้น และเกมนี้ก็คือเกมเปิดตัวของสตูดิโอที่จัดจำหน่ายโดย Electronic Arts นั่นเอง แล้วตัวเกมจะเป็นอย่างไรผมจะมาเล่าให้ฟังกัน


เนื้อเรื่อง

Immortals of Aveum ดำเนินเรื่องราวในโลกที่ชื่อว่าเอเวียม (Aveum) ที่ซึ่งเวทมนตร์เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เวทมนตร์เป็นทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและเป็นพลังอำนาจ จึงทำให้อาณาจักรน้อยใหญ่แห่งเอเวียมต่างก็รบพุ่งกันเพื่อช่วงชิงกระแสเวทมนตร์ที่ไหลเวียนไปทั่วดินแดน

ในมหาสงครามที่ดำเนินไปยาวนานจนแทบจะเป็นสงครามนิรันดร์ (Everwar) นี้ ปัจจุบันเหลือเพียงสองอาณาจักรที่สู้รับกันเอาเป็นเอาตาย หนึ่งคืออาณาจักรลูเซียม (Lucium) ที่ยืนหยัดต้านการรุกรานของอาณาจักรราชาร์น (Rasharn) อย่างสุดกำลัง และเรื่องราวของเกมก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มกำพร้าแจ็ก (Jak) ผู้ดำรงชีพด้วยการลักเล็กขโมยน้อยในเมืองเซเรน (Seren) ใต้การปกครองของลูเซียม ต้องเผชิญกับการรุกรานของราชาร์น แต่แล้วตัวเขาที่ถือกำเนิดมาโดยไร้พลังเวทก็กลับระเบิดพลังเวทขึ้นมาได้ ชีวิตของเขาจึงเปลี่ยนไปตลอดกาล

สิ่งที่ต้องชมเชยเกี่ยวกับเรื่องราวของเกมอย่างแรกเลยก็คือฉากคัตซีนต่าง ๆ ของเกมนี้ทำออกมาได้ดีมากครับ ตัวละครแต่ละคนแสดงสีหน้าท่าทางกันชัดเจน การขยับของปากและแววตานั้นทำได้ยอดเยี่ยมในแบบภาพยนตร์เลย ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้ว ลูกตาที่เบิกกว้างเมื่อเจอสิ่งประหลาดใจ การหันใบหน้าเล็กน้อยเมื่อสนทนา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ตัวเกมมีชีวิตชีวาขึ้นจริง ๆ

ถ้าจะให้พูดถึงเนื้อหาโดยรวมตั้งแต่ต้นจนจบ ผมคิดว่าเกมนี้มีสไตล์การเล่าเรื่องคล้ายกับภาพยนตร์ฮีโร่ของ Marvel ครับ จังหวะจะโคนของเหตุการณ์ การสอดแทรกมุกตลกแบบกำลังดี รวมถึงการคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนดูภาพยนตร์ Marvel มาก มันอาจจะไม่ได้มีเนื้อหาหนักกระแทกใจชนิดที่ว่าพอเล่นจบแล้วคุณจะมานั่งค้นหาความหมายของชีวิต หรือจิตตกซึมไปกับตัวละครก็ตาม แต่มันให้ความบันเทิงได้ตั้งแต่ต้นจนจบครับ


เกมเพลย์

สำหรับ Immortal of Aveum นี้ แกนหลักของเกมเพลย์ก็คือการเป็น First Person Shooter ที่เปลี่ยนจากปืนมาเป็นการยิงเวทครับ แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่เกมสงครามเปลี่ยนสกินแต่อย่างใด เพราะมีองค์ประกอบของความเป็น RPG ที่เข้ามาเพิ่มความแตกต่างให้กับการเล่นได้มากอยู่เหมือนกันครับ

รูปแบบการโจมตีของแจ็กในเกมนี้จะแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ ๆ ตามสายเวทในเกม คือเวทสีแดง เวทสีน้ำเงิน และเวทสีเขียว สีแดงจะเน้นพลังทำลายล้างแต่จำนวนที่ยิงได้ต่อรอบจะน้อย สีน้ำเงินจะเน้นความแม่นยำและยิงต่อเนื่องได้หลายครั้ง ส่วนสีเขียวจะเน้นการยิงรัวแต่เบาจึงทำให้สามารถยิงได้ปริมาณสูงสุด ซึ่งแต่ละสีก็จะแบ่งย่อยลงไปอีกสามชนิดที่คุณสมบัติจะแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับซิจิล (Sigil) ที่คุณติดตั้งนั่นเอง เช่น สีน้ำเงินชนิด Shrikebolt ที่ยิงเสมือนเป็นปืนพก คุณอาจเปลี่ยนเป็น Javelin ที่สามารถชาร์จโจมตีได้เสมือนเป็นปืนสไนเปอร์ไรเฟิล เป็นต้น

ระบบการปรับแต่งตัวละครในลักษณะนี้ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ลองมิกซ์แอนด์แมตช์รูปแบบการเล่นที่ชื่นชอบได้หลากหลายพอควรเลยครับ แน่นอนว่าของสวมใส่ต่าง ๆ ก็จะมีแรงก์ตามสไตล์เกม RPG ที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ที่ของดีหน่อยก็จะเป็นระดับ Rare ถ้าสูงกว่านั้นก็ Epic แต่ดีที่สุดก็ต้องระดับ Legendary ซึ่งยิ่งของดีก็ยิ่งมีค่าพลัง passive ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะค่าพลังต่าง ๆ นี่ส่งผลต่อการเล่นหมด ยังไม่นับว่าเกมนี้มีสกิลทรีแยกสำหรับเวทแต่ละสายอีกมากมายด้วย

เกมเพลย์ของ Immortals of Aveum นั้นรวดเร็วและไหลลื่นมาก ในแต่ละการเผชิญหน้าคุณมักต้องหูตาไวตลอดเวลาเพราะศัตรูมักจะมาพร้อมกันหลายทิศทางและหลายตัว และแม้ว่าจะเวทสายไหนก็สามารถกำจัดศัตรูได้เหมือนกัน แต่หากคุณไปเจอตัวที่มันกางเกราะล่ะก็ คุณจะต้องใช้เวทสีเดียวกันยิงทำลายเกราะมันเท่านั้นครับ ยิ่งไปช่วงหลัง ๆ นี่คุณจะได้เจอศัตรูหลากประเภทมาพร้อม ๆ กัน เกมจึงบีบให้คุณต้องคิดไวทำไวตลอดเวลาว่าจะจัดการตัวไหนก่อน ตัวไหนไว้ทีหลัง จะสลับเวทไรมาใช้ก่อน ฯลฯ เรียกได้ว่าไดนามิกของเกมนั้นสูงมาก

นอกเหนือไปจากการต่อสู้แล้ว พัสเซิลในเกมนี้ก็มีทั่วทั้งเกมครับ บางจุดเราก็ต้องอาศัยขยับสิ่งที่ไม่มีชีวิตเพื่อเคลื่อนย้ายไปในทิศทางที่เราต้องการ บางจุดก็ต้องอาศัยการสังเกตสภาพแวดล้อม เพราะสวิตช์เปิดทางก็มักไปซ่อนในจุดที่คาดไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้นรางวัลที่ได้จากการแก้พัสเซิลเหล่านี้ก็มักจะคุ้มค่าไม่เบาเหมือนกัน

ด้านความยากของเกม ในรีวิวนี้ผมเลือกที่ระดับความยาก Magnus ซึ่งเปรียบเป็นโหมดนอร์มอลของเกม โดยรวมนั้นตัวเกมอยู่ในระดับที่กำลังดีครับสำหรับแคมเปญหลัก แต่ว่าพวก optional fight ทั้งหลายนี่มีหลายจุดเลยที่ตึงมือ บรรดาบอสลับแต่ละตัวนี่ถ้าเตรียมของมาไม่ดีพอ คุณก็จะโดนหวดหนึ่งทีหรือสองทีร่วงได้ทันที (สไตล์เกม RPG แท้ ๆ)

จุดหนึ่งที่ผมชื่นชอบของเกมนี้ก็คือการสำรวจครับ แม้ว่าตัวเกมจะไม่ใช่โอเพนเวิลด์และมีการแบ่งแมปซอยย่อยมาให้เล่นกัน แต่ว่าในแต่ละแมปนั้นเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ให้ค้นหา ซึ่งบ่อยครั้งที่คุณจะเจอจุดที่ยังสำรวจไม่ได้ในทีแรก ต้องรอจนกว่าจะได้ความสามารถบางอย่างก่อนจึงจะกลับมาสำรวจได้ เรียกได้ว่าหากคุณชื่นชอบรูปแบบของเกมสไตล์ Metroidvania ล่ะก็คุณจะชื่นชอบการสำรวจในเกมนี้ครับ


กราฟิกและการแสดงผล

เกมนี้จะเน้นหนักไปที่แสงสีเอฟเฟกต์เวทต่าง ๆ เยอะมาก ซึ่งผมคิดว่ามันสวยนะครับ เพียงแต่ว่าพอจังหวะชุลมุนนี่เอฟเฟกต์มันมักจะท่วมจอไปหมดจนมองอะไรไม่ค่อยจะเห็นนักจนเป็นอุปสรรคในการเล่นอยู่บ้างในบางที ในด้านความลื่นไหลนี่ตัวเกมมีเฟรมเรตที่ 60FPS ที่นิ่งอยู่ จังหวะที่เฟรมตกก็มีให้เห็นบ้างเหมือนกันโดยเฉพาะตอนเข้าเมืองหรือชุมชนที่มี NPC เยอะ ๆ ครับ แต่โดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกขัดตาหรือขัดจังหวะการเล่นอะไรขนาดนั้น

ในด้านโมเดลตัวละครในฉากคัตซีนนี่ให้ความรู้สึกที่สมจริงใช้ได้อยู่ เสื้อผ้าตัวละครก็ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นผ้าจริง อะไรที่เป็นโลหะก็จะมันวาว พอบวกกับสีหน้าของตัวละครที่ทำออกมาได้ดีมากก็เลยเป็นจุดหนึ่งที่โดดเด่นของเกมเลย (กระนั้นพวก NPC ในฉากเล่นก็จะมีรายละเอียดที่ลดหลั่นลงไป) ส่วนโมเดลของวัตถุประกอบฉากอย่างพวกก้อนหิน ต้นไม้ใบหญ้าระหว่างเล่นนี่ก็โดนลดทอนรายละเอียดลงไปบ้างเหมือนกันแต่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ (เข้าใจว่าบางทีอาจเพราะพวกเอฟเฟกต์เวทต่าง ๆ ที่บินว่อนทั่วฉากนี่ล่ะครับ)

อย่างไรก็ดี สถานที่ต่าง ๆ ในเกมนี้ก็ออกแบบมาให้มีความหลากหลายอย่างที่คาดหวังได้จากเกมแฟนตาซีครับ ไม่ว่าจะป่าเอย ภูเขาหิมะเอย หรือภูเขาไฟอะไรแบบนั้น

จุดหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือเกมนี้ค่อนข้างมืดครับ พวกฉากที่อยู่ในถ้ำหรือฉากที่แสงน้อยเป็นทุนเดิมนี่มองอะไร ๆ ได้ยากมาก แล้วเกมดันไม่มีตัวเลือกปรับแสงสว่างซะอย่างนั้น เลยต้องอาศัยปรับจากหน้าจอโทรทัศน์หรือไม่ก็มอนิเตอร์แทนอย่างเดียว ก็หวังว่าทีมงานจะมีแพตช์ออกมาในอนาคตครับ


งานเสียง

เสียงพากย์ของตัวละครหลักแต่ละคนนี่ดีมากครับ ทุกคนมีบุคลิกลักษณะที่ชัดเจน น้ำเสียงและจังหวะการพูด การหยอดมุกอะไรต่าง ๆ นั้นลื่นไหลเป็นธรรมชาติมาก อย่างแจ็กที่ในเรื่องอายุยังไม่เยอะก็จะช่างแซะและกวนบาทาเกือบจะตลอด แต่พอเป็นเคอร์คาน (Kirkan) ซึ่งเป็นจอมเวทสูงสุดและอาจารย์ของแจ็กที่มีประสบการณ์สูงก็มักจะแสดงออกแบบนิ่ง ๆ และสงบแม้ว่าจะไม่พอใจก็ตามที มันเลยทำให้ปฏิสัมพันธ์ของแต่ละคนนั้นน่าสนใจมาก

งานเสียงด้านอื่น ๆ นั้น เพลงธีมหลักของเกมนั้นติดหูเอาเรื่องครับ ยิ่งเมื่อรวมกับการตัดต่อในฉากเปิดของเกมก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเป็นหนัง Marvel อย่างที่บอกไว้ตอนต้น ส่วนพวกเสียงเอฟเฟกต์ในระหว่างสู้นี่ก็ดุดันดี เสียงคำรามของศัตรู เสียงการยิงเวท หรือแม้แต่ตอนที่เกราะป้องกันแตกนั้น เพิ่มความสนุกในระหว่างเล่นได้ดีมาก


สรุป

Immortals of Aveum เป็นเกม FPS ที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบของเกม RPG และการสำรวจฉากในสไตล์ Metroidvania ดังนั้น ถ้าคุณเล่น FPS ได้ไม่เวียนหัว และชอบการสำรวจฉากหาความลับล่ะก็ เกมนี้มีให้คุณเต็มอิ่มแน่นอนครับ

The Review

80% จอมเวทมหากาฬในสงครามมหาภัย

นี่เป็นเกม FPS ที่ผสมองค์ประกอบ RPG ได้สนุกและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมด้วยความลับให้สำรวจและค้นหามากมายในสไตล์ Metroidvania แต่ยังมีปัญหาเพอร์ฟอร์มานซ์อยู่บ้าง ซึ่งคิดว่าจะแก้ไขได้ด้วยแพตช์ในอนาคต

80%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์